“ดิเรกฤทธิ์”แนะ”ม็อบ”รอศาล รธน.ตัดสิน อย่าเพิ่งลงถนน

รัฐสภา 22 ส.ค.- “ดิเรกฤทธิ์” เชื่อครบ 8 ปี “พล.อ.ประยุทธ์” เริ่มนับ 9 มิ.ย. 62 แนะ”ม็อบ” รอศาล รธน.ตัดสิน อย่าเพิ่งลงถนน ชี้คำตอบอยู่ในคำสั่ง


นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการพูดคุยระหว่างสมาชิกวุฒิสภา Morning Talk เรื่อง “8 ปี ลุงตู่ครบหรือไม่ ไปหรืออยู่” ในประเด็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เมื่อช่วงเช้าเป็นการพูดคุยในเชิงวิชาการ ซึ่งมี 3 แนวทางคือ 1.จะนับตั้งแต่ปี 2557 2.นับตั้งแต่ปี 2560 และ3.นับตั้งแต่ปี 2562 โดยนายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญมาร่วมพูดคุยเห็นว่าควรนับตั้งแต่การดำรงตำแหน่งปี 2557 เพราะพิจารณามาตรา 264 ที่ให้นับคณะรัฐมนตรี ที่ทำหน้าที่ก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญด้วย ถือเป็นการนับนายกรัฐมนตรีแบบต่อเนื่อง ซึ่งจะครบ 8 ปีในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 ส่วนอีกแนวทางที่ให้นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่มีการโปรดเกล้าฯให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ประกาศใช้ถือเป็นความจำเป็นของประเทศในช่วงที่มีความเปลี่ยนแปลง รัฐธรรมนูญจะต้องรองรับองค์กรที่มีอยู่เดิม เพื่อไม่ให้เกิดสูญญากาศ การจะนับอายุนายกฯต้องนับในวันที่แต่งตั้ง มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง คำถามคือถ้านับตั้งแต่วันแต่งตั้งจะนับตั้งแต่ปี 2557 หรือปี 2562 ซึ่งมีความเห็นว่าน่าจะนับตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงนำพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกฯทั้ง 2 ฉบับ โดยฉบับแรกนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นผู้สนองรับพระบรมราชโองการ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์ให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อาศัยความตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ส่วนพระบรมราชโองการอีกฉบับบอกไว้ชัดว่า ตามมาตรา 158 ที่ให้มีกระบวนการเงื่อนไขโดยที่รัฐสภามีมติเสียงข้างมากให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และให้อยู่ได้ 8 ปี จึงต้องนับอายุการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2562 ส่วนที่ได้เป็นมาตั้งแต่ระยะเวลาอื่นก่อนหน้าวันที่ 9 มิ.ย. 2562 จึงนับไม่ได้

“ประเทศเราจะให้นาย ก. นาย ข. หรือนาย ค. เป็นผู้ว่าฯ เป็น ผบ.ตร. หรือเป็นนายกฯ ก็ต้องอยู่ที่คำสั่ง คำสั่งนั้นจะตั้งโดยใคร กฎหมายบอกไว้ จะตั้งโดยเงื่อนไขอะไร และจะออกเมื่อไหร่ อยู่ได้อีกแค่ไหน ทำหน้าที่อย่างไร อยู่ในคำสั่งทั้งนั้น ฉะนั้นความชัดเจนจึงอยู่ที่คำสั่งทั้งสองฉบับ ถ้าไปอ่านก็จะได้คำตอบว่าควรจะนับอย่างไร” นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว


นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวด้วยว่าความเห็นเหล่านี้เป็นความเห็นเชิงวิชาการ ส่วนองค์กรที่จะวินิจฉัยคือ ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเราปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจึงควรเคารพกติกาและกฎหมายบ้านเมือง เมื่อมีองค์กรวินิจฉัยเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เราจะมาทะเลาะกันทำไม ใช้ความรุนแรงและลงถนนทำไม จึงต้องเคารพศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้

เมื่อถามว่า การชุมนุมทางการเมืองในช่วงนี้จะเป็นการกดดันและมีผลต่อการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็กดดันทุกครั้ง เพราะเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อประเทศ และการเมือง คือมีทั้งผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ซึ่งเราเคารพต่อทุกความคิดเห็น แต่เห็นว่าควรอยู่ภายใต้กฎหมาย อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน เมื่อเรามีความเห็นคนอื่นก็มีความเห็น ทั้งนี้คิดว่าประเด็นเหล่านี้ไม่สามารถกดดันศาลรัฐธรรมนูญได้ เพราะท่านต้องกล้าหาญและเป็นองค์กรหลักให้บ้านเมืองจึงต้องทำหน้าที่โดยไม่หวั่นไหวต่อกระแสกดดันใดๆ

เมื่อถามว่า กังวลต่อกระแสสังคมนอกสภาหรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายควรทำหน้าที่ของตนเอง ไม่ควรมีข้อกังวลอะไร หรือมีแรงกดดันอะไรมามีผลต่อการทำหน้าที่ของ ส.ส.และส.ว. แต่เราก็มีดุลยพินิจและอิสระในการทำหน้าที่เช่นกัน ส่วนกรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเราก็จะนำคำร้องและความต้องการของประชาชนมา เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องลงถนนไปตากแดด


เมื่อถามถึงกรณีการตั้งคำถามเกี่ยวกับสามัญสำนึกของพล.อ.ประยุทธ์นั้น นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเห็นที่แตกต่างกัน บางคนก็บอกว่าเป็นการแก้ไขปัญหาการผูกขาดอำนาจ ซึ่งก็มองได้ว่าเมื่อพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในอำนาจก็ควรตระหนัก อย่างไรก็ตามตนคิดว่าเราต้องรักษากติกาบ้านเมือง จึงต้องพิจารณาในแง่ของกฎหมาย ส่วนฝ่ายที่บอกว่าเป็นการสนับสนุนการผูกขาดอำนาจ แต่บางฝ่ายก็อาจจะบอกว่าเราทำให้ท่านมาอยู่ในกติกา ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าอยู่ไม่ได้ ครบวันที่ 24 สิงหาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ก็ขาดคุณสมบัติและต้องออกไปอยู่แล้ว แต่หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าอยู่ได้เพราะนับตั้งแต่ปี 2562 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็จะไม่ได้มาเป็นนายกฯโดยอัตโนมัติเพราะจะครบวาระในปี 2566 แล้ว และประชาชนทั่วประเทศจะเป็นคนตัดสินว่าจะได้อยู่ต่อจนครบปี 2570 หรือไม่ ตนคิดว่าไม่เป็นปัญหาและเราควรเดินตามครรลอง ถ้าไม่เคารพกฎหมายและกติกาในอนาคตบ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]