พรรคเพื่อไทย 22 ส.ค.- “พรรคเพื่อไทย“ออกแถลงการณ์ ปม 8 ปี ชี้ รัฐธรรมนูญ ระบุชัด นับวาระ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งนายกฯถึง 24 ส.ค.65 ด้าน“ธีรรัตน์”หวัง “บิ๊กตู่”มีจิตสำนึกคิดเองได้ไม่ต้องรอให้ศาลวินิจฉัย
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย อ่านแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย เรื่อง บทพิสูจน์นายกรัฐมนตรี 8 ปี กับการปฏิรูปการเมืองไทย ว่า การจำกัดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้นำประเทศเป็นมาตรฐานสากล ที่ยอมรับกันทั่วไปเป็นหลักนิติธรรม (Rule of law) เพราะอำนาจทำให้คนทุจริต ใช้อำนาจในทางมิชอบ อำนาจเด็ดขาดทำให้ทุจริตอย่างไม่มีข้อจำกัด ถ้าปล่อยให้คนที่มีอำนาจเด็ดขาดเป็นระยะเวลายาวนานเกินไป ก็เท่ากับปล่อยให้ผู้ใช้อำนาจสามารถทุจริตโดยไม่มีข้อจำกัด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 และดำรงตำแหน่งติดต่อกันมาโดยลำดับ แม้เมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ก็ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเมื่อ 9 มิถุนายน 2562 ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยเหตุนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่นับถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 เป็นเวลา 8 ปี กรณีของพล.อ.ประยุทธ์ จึงเข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งต่อกันหรือไม่….” และมาตรา 171 วรรคสี่ กำหนดไว้ชัดเจนว่า “ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง หากดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่าแปดปี”
เจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 158 โดยประธานกรรมาธิการฯ ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า “เมื่อพิจารณาบทเฉพาะกาลมาตรา 264…. แสดงให้เห็นว่า แม้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับก็สามารถนับรวมระยะเวลาดังกล่าว รวมกับระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ ซึ่งเมื่อนับรวมระยะเวลา ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องมีระยะเวลาไม่เกินแปดปี”
พรรคเพื่อไทยเห็นว่า โดยเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ สอดคล้องกับถ้อยคำตามลายลักษณ์อักษรของรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 มาตรา 171 และมาตรา 264 ยากที่จะปฏิเสธได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 24 สิงหาคม 2565
พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อปี 2557 และตั้งตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ต้องการปฏิรูปการเมือง แม้เมื่อมีรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งตนเองผลักดัน ก็จัดเรื่องการปฏิรูปประเทศรวมถึงการปฏิรูปการเมืองไว้เป็นหมวดหนึ่งของรัฐธรรมนูญ การไม่ให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งยาวนานเกินไปจึงกำหนดระยะเวลาสูงสุดไว้แปดปี เพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอำนาจ สร้างอิทธิพลทางการเมืองขึ้น อันจะเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤตทางการเมืองขึ้น จึงเป็นสาระสำคัญที่ส่อแสดงถึงความต้องการที่จะปฏิรูปการเมือง
พรรคเพื่อไทยเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะดำเนินการโดยประการใด กับกรณีเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว จะเป็นวิกฤตของประเทศอีกครั้งหนึ่ง และอาจนำมาซึ่งความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองขึ้น แต่สิ่งที่จะสะท้อนได้แน่นอนคือ การปฏิรูปการเมือง ที่กล่าวไว้ตั้งแต่ยึดอำนาจการปกครองประเทศเรื่อยมา เป็นความจริงใจหรือเป็นเพียงวาทะกรรมคำพูดที่ให้ดูดีเท่านั้น ภายใน 1-2 วันนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแสดงตัวตน อย่างแท้จริงให้เห็นว่ามีแนวคิด แนวทางแบบเผด็จการอำนาจนิยม ลุแก่อำนาจ ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ หรือจะยอมรับการเมืองตามวิถีทางและจารีตประเพณีแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ส่วนการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ สมัยแรก ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะทำให้ศาลไม่นำประเด็นนี้มาพิจารณาหรือไม่ น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ต้องดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องไม่เกิน 8 ปี เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดในอำนาจ การสร้างอิทธิพลโดยมิชอบ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องใช้จิตสำนึกของพล.อ.ประยุทธ์ ประกอบด้วย โดยไม่ต้องให้ศาลหรือกฎหมายใดมากำหนด เป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องคิดเองได้
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พล.อ.ประยุทธ์ ยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ ฝ่ายค้านจะดำเนินการอย่างไร นั้น น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง เราจะใช้รัฐสภาทำงานต่อไปอย่างเข้มแข็ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคารพคำวินิจฉัยของศาล และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความยุติธรรมจะเกิดขึ้นกับประชาชนและประเทศไทย
“แต่วันนี้ เราจะเห็นว่ามีกลุ่มการเมืองออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้องในสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าจะเกิดความผิดปกติ พร้อมออกมาขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งในฐานะพรรคการเมืองเราไม่ได้คัดค้าน เพราะเป็นการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิ์เรียกร้อง พร้อมขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ให้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม อย่าใช้กำลังในการปราบปราม หรือสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นจนเป็นเงื่อนไข” น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย