คาดหลังจากพรุ่งนี้ ไม่เกิน 15 วัน นัดวินิจฉัย

สำนักข่าวไทย 7 ก.ย.-อดีตตุลาการศาล รธน.ชี้ 8 ก.ย. วันสุกดิบ ที่ศาล รธน.นัดหารือว่าหลักฐานเพียงพอหรือไม่ คาดนัดวินิจฉัยหลังจากพรุ่งนี้ไม่เกิน 15 วัน ย้ำเป็นปัญหาข้อกฎหมาย รับฟังความเห็นต่างการเมืองพิจารณาได้ แต่นำมาตัดสินไม่ได้


นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวไทย” กรณีนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดพิเศษ พรุ่งนี้ (8 ก.ย.) เพื่อกำหนดแนวทางพิจารณากรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า พรุ่งนี้ถือเป็น “วันสุกดิบ” หมายความตามสำนวนไทยว่ายังไม่ใช่วันตัดสินจริง แต่เป็นวันเตรียมความพร้อมสำหรับวันจริงที่จะมาถึงเร็ว ๆ นี้

อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่าได้ข้อมูลครบแล้ว ก็ต้องนัดประชุมตุลาการเพื่อปรึกษาหารือว่าหลักฐานเพียงพอหรือไม่ หากส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าพอแล้วก็จะสั่งให้งดการไต่สวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม แล้วจะนัดตัดสินเลย ส่วนจะนัดตัดสินวันไหนขึ้นอยู่กับว่าเป็นเรื่องยากหรือเรื่องง่าย ซึ่งในกรณีที่เป็นเรื่องทั่วไปจะให้เวลาตุลาการแต่ละท่านใคร่ครวญ เตรียมจัดทำความเห็นของแต่ละคนเป็นลายลักษณ์อักษรให้ดีที่สุด เพราะจะเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์เผยแพร่ต่อสาธารณชน ส่วนใหญ่จะให้เวลาประมาณ 15 วัน


“คดีนี้มีแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ไม่มีปัญหาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายก็มีประเด็นเดียวว่าจะเริ่มต้นนับ 8 ปีตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ แล้วท่านจะใช้เวลามากมายกันไปทำไม เราก็คาดว่าท่านน่าจะใช้เวลาสัก 7 วัน ไม่เกิน 15 วัน นี่เป็นความคาดหวังของคนที่มองจากภายนอก จากเหตุการณ์ที่เห็นว่าเดินมาตามขั้นตอนต่าง ๆ จากที่เผยแพร่กันออกไปทางสื่อ ก่อนหน้านี้และมาถึงรอบ semi Final เพื่อจะต่อไปถึงวันนัดตัดสิน ถือว่าจบแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องไปคุยตอบกับประชาชน ประชาชนก็รู้ นักกฎหมายส่วนใหญ่ก็รู้” นายจรัญ กล่าว

ส่วนกรณีที่คำชี้แจงของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เผยแพร่ออกมานั้น อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ตามหลักการวินิจฉัยคดีของตุลาการ ไม่ว่าศาลไหน หลักการที่จะต้องใช้เป็นอันดับแรกในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย คือ บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยต้องหาหลักพื้นฐานหรือตัวชี้วัดตัวที่ 2 เข้ามาประกอบด้วย ได้แก่ การค้นหาเจตนารมณ์ของกฎหมาย แต่ต้องไม่ใช่ความคิดเห็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และไม่ใช่เจตนาหรือความต้องการของคนที่บัญญัติกฎหมายขึ้น แต่ความคิดเห็นและความต้องการของคนที่บัญญัติกฎหมายสามารถนำมาเป็นข้อมูลที่ 3 ประกอบได้ แต่น้ำหนักไม่ได้ดีไปกว่าข้อกฎหมายและเจตนารมณ์  ซึ่งในที่นี้ต้องหมายถึงคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญทั้งคณะ

“ส่วนข้อมูลอันดับ 4 ความคิดเห็นและข้อมูลของประธานหรือกรรมการ คณะผู้จัดทำกฎหมายนั้น ซึ่งสิ่งที่ฮือฮาในโลกโซเชียลคือความเห็นของนายมีชัยคนเดียว ไม่ใช่มติของ กรธ.ทั้งคณะ จึงถือว่าเอามาใช้ได้ แต่เป็นลำดับที่ 4 ส่วนความเห็นของบุคคลที่ไม่ได้ร่วมจัดทำกฎหมาย แต่เป็นเอกสารที่ฝ่ายนิติบัญญัติจัดทำเก็บไว้ในกระบวนการถกแถลง อภิปรายโต้แย้งในคณะผู้จัดทำกฎหมาย หรือถ้าเทียบก็เป็นบันทึกการประชุมครั้งสุดท้ายของ กรธ. ซึ่งได้ข้อมูลใหม่มาว่ายังไม่มีการรับรองบันทึกการประชุมนั้น ซึ่งตรงนี้แทบจะหมดน้ำหนักไปเลย” นายจรัญ กล่าว


ส่วนกรณีความเห็นของนักวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญในกฎหมายแขนงนั้น ที่ไม่เกี่ยวข้องในการจัดทำรัฐธรรมนูญ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้อาจจะมีน้ำหนักสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายเรื่องนั้นได้บ้าง แต่สิ่งสำคัญการวิเคราะห์ผลของกฎหมายนั้นต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน สอดคล้องกับประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 3 วรรค 2 อย่างไรก็ตาม ไม่ขอวิจารณ์ว่าความเห็นของนักกฎหมาย 50 ความเห็น ที่ฝ่ายค้านยื่นไปประกอบการวินิจฉัย แต่ส่วนตัวพูดได้ว่า ความเห็นของตนอยู่ในลำดับที่ 6 ได้ก็บุญแล้ว

“หัวใจไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ แต่อยู่ที่ความถูกต้อง เป็นธรรม ปริมาณอาจจะพาไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรมก็ได้ เพราะถ้าเรื่องนี้ตัดสินด้วยปริมาณ ไม่ต้องส่งมาศาลรัฐธรรมนูญ ในรัฐสภาลงมติโหวตกันเสียงข้างมากเอาไป ไม่ต้องไปตระเวนหาที่ไหนด้วย หรือถ้าไม่เอาแนวรัฐสภา ก็ประชุมนักกฎหมายทั่วประเทศ แล้วก็ลงคะแนนเสียงกัน อันนั้นตัดสินด้วยปริมาณ แต่มันจะถูกต้องหรือไม่ ไม่มีใครรับประกันได้ ปัญหากฎหมายยาก ๆ จึงใช้ปริมาณไม่ได้ ต้องใช้ความสุขุมลุ่มลึก และองค์กรที่เป็นอิสระท่ามกลางความขัดแย้งกดดันของฝ่ายต่าง ๆ ในสังคมมีจิตใจที่เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่อยู่ในอานัสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ขัดแย้งในสังคม และต้องมีภาพลักษณ์ให้สังคมเชื่อด้วย”  นายจรัญ กล่าว

อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ประเด็นการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นปัญหากฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาการเมือง ไม่ใช่ปัญหาพฤติกรรม เป็นปัญหากฎหมายแท้ ๆเพราะฉะนั้นควรจะต้องหาข้อยุติให้ถูกต้องตามหลักนิติธรรม นิติศาสตร์ และยุติธรรมศาสตร์ ไม่ใช่ใช้ความคิดเห็นต่างการเมือง เพราะไม่ใช่ปัญหาทางการเมือง

“แต่จะบอกว่าไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ได้ เพราะผลของมันจะนำไปสู่การได้เปรียบ เสียเปรียบทางการเมือง เพราะฉะนั้นจะตัดฝ่ายการเมืองว่าจะขับเคลื่อนไม่ให้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ไม่ได้ ก็ต้องให้โอกาสฝ่ายการเมืองได้แสดงเหตุผล ข้อโต้แย้งชี้แจงกันและกัน แต่เราก็ต้องตั้งสติให้ดีว่าการขับเคลื่อนการเมืองเป็นเรื่องการเมือง จะเอามาใช้เป็นข้อยุติชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายไม่ได้ เพราะมันคนละเรื่อง แต่ควรต้องฟัง ไม่ใช่ไม่ยอมให้เขาพูดเลย อันนี้ก็ไม่ถูกในสังคมประชาธิปไตย” นายจรัญ กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย