คาดหลังจากพรุ่งนี้ ไม่เกิน 15 วัน นัดวินิจฉัย

สำนักข่าวไทย 7 ก.ย.-อดีตตุลาการศาล รธน.ชี้ 8 ก.ย. วันสุกดิบ ที่ศาล รธน.นัดหารือว่าหลักฐานเพียงพอหรือไม่ คาดนัดวินิจฉัยหลังจากพรุ่งนี้ไม่เกิน 15 วัน ย้ำเป็นปัญหาข้อกฎหมาย รับฟังความเห็นต่างการเมืองพิจารณาได้ แต่นำมาตัดสินไม่ได้


นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวไทย” กรณีนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดพิเศษ พรุ่งนี้ (8 ก.ย.) เพื่อกำหนดแนวทางพิจารณากรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า พรุ่งนี้ถือเป็น “วันสุกดิบ” หมายความตามสำนวนไทยว่ายังไม่ใช่วันตัดสินจริง แต่เป็นวันเตรียมความพร้อมสำหรับวันจริงที่จะมาถึงเร็ว ๆ นี้

อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่าได้ข้อมูลครบแล้ว ก็ต้องนัดประชุมตุลาการเพื่อปรึกษาหารือว่าหลักฐานเพียงพอหรือไม่ หากส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าพอแล้วก็จะสั่งให้งดการไต่สวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม แล้วจะนัดตัดสินเลย ส่วนจะนัดตัดสินวันไหนขึ้นอยู่กับว่าเป็นเรื่องยากหรือเรื่องง่าย ซึ่งในกรณีที่เป็นเรื่องทั่วไปจะให้เวลาตุลาการแต่ละท่านใคร่ครวญ เตรียมจัดทำความเห็นของแต่ละคนเป็นลายลักษณ์อักษรให้ดีที่สุด เพราะจะเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์เผยแพร่ต่อสาธารณชน ส่วนใหญ่จะให้เวลาประมาณ 15 วัน


“คดีนี้มีแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ไม่มีปัญหาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายก็มีประเด็นเดียวว่าจะเริ่มต้นนับ 8 ปีตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ แล้วท่านจะใช้เวลามากมายกันไปทำไม เราก็คาดว่าท่านน่าจะใช้เวลาสัก 7 วัน ไม่เกิน 15 วัน นี่เป็นความคาดหวังของคนที่มองจากภายนอก จากเหตุการณ์ที่เห็นว่าเดินมาตามขั้นตอนต่าง ๆ จากที่เผยแพร่กันออกไปทางสื่อ ก่อนหน้านี้และมาถึงรอบ semi Final เพื่อจะต่อไปถึงวันนัดตัดสิน ถือว่าจบแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องไปคุยตอบกับประชาชน ประชาชนก็รู้ นักกฎหมายส่วนใหญ่ก็รู้” นายจรัญ กล่าว

ส่วนกรณีที่คำชี้แจงของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เผยแพร่ออกมานั้น อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ตามหลักการวินิจฉัยคดีของตุลาการ ไม่ว่าศาลไหน หลักการที่จะต้องใช้เป็นอันดับแรกในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย คือ บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยต้องหาหลักพื้นฐานหรือตัวชี้วัดตัวที่ 2 เข้ามาประกอบด้วย ได้แก่ การค้นหาเจตนารมณ์ของกฎหมาย แต่ต้องไม่ใช่ความคิดเห็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และไม่ใช่เจตนาหรือความต้องการของคนที่บัญญัติกฎหมายขึ้น แต่ความคิดเห็นและความต้องการของคนที่บัญญัติกฎหมายสามารถนำมาเป็นข้อมูลที่ 3 ประกอบได้ แต่น้ำหนักไม่ได้ดีไปกว่าข้อกฎหมายและเจตนารมณ์  ซึ่งในที่นี้ต้องหมายถึงคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญทั้งคณะ

“ส่วนข้อมูลอันดับ 4 ความคิดเห็นและข้อมูลของประธานหรือกรรมการ คณะผู้จัดทำกฎหมายนั้น ซึ่งสิ่งที่ฮือฮาในโลกโซเชียลคือความเห็นของนายมีชัยคนเดียว ไม่ใช่มติของ กรธ.ทั้งคณะ จึงถือว่าเอามาใช้ได้ แต่เป็นลำดับที่ 4 ส่วนความเห็นของบุคคลที่ไม่ได้ร่วมจัดทำกฎหมาย แต่เป็นเอกสารที่ฝ่ายนิติบัญญัติจัดทำเก็บไว้ในกระบวนการถกแถลง อภิปรายโต้แย้งในคณะผู้จัดทำกฎหมาย หรือถ้าเทียบก็เป็นบันทึกการประชุมครั้งสุดท้ายของ กรธ. ซึ่งได้ข้อมูลใหม่มาว่ายังไม่มีการรับรองบันทึกการประชุมนั้น ซึ่งตรงนี้แทบจะหมดน้ำหนักไปเลย” นายจรัญ กล่าว


ส่วนกรณีความเห็นของนักวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญในกฎหมายแขนงนั้น ที่ไม่เกี่ยวข้องในการจัดทำรัฐธรรมนูญ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้อาจจะมีน้ำหนักสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายเรื่องนั้นได้บ้าง แต่สิ่งสำคัญการวิเคราะห์ผลของกฎหมายนั้นต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน สอดคล้องกับประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 3 วรรค 2 อย่างไรก็ตาม ไม่ขอวิจารณ์ว่าความเห็นของนักกฎหมาย 50 ความเห็น ที่ฝ่ายค้านยื่นไปประกอบการวินิจฉัย แต่ส่วนตัวพูดได้ว่า ความเห็นของตนอยู่ในลำดับที่ 6 ได้ก็บุญแล้ว

“หัวใจไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ แต่อยู่ที่ความถูกต้อง เป็นธรรม ปริมาณอาจจะพาไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรมก็ได้ เพราะถ้าเรื่องนี้ตัดสินด้วยปริมาณ ไม่ต้องส่งมาศาลรัฐธรรมนูญ ในรัฐสภาลงมติโหวตกันเสียงข้างมากเอาไป ไม่ต้องไปตระเวนหาที่ไหนด้วย หรือถ้าไม่เอาแนวรัฐสภา ก็ประชุมนักกฎหมายทั่วประเทศ แล้วก็ลงคะแนนเสียงกัน อันนั้นตัดสินด้วยปริมาณ แต่มันจะถูกต้องหรือไม่ ไม่มีใครรับประกันได้ ปัญหากฎหมายยาก ๆ จึงใช้ปริมาณไม่ได้ ต้องใช้ความสุขุมลุ่มลึก และองค์กรที่เป็นอิสระท่ามกลางความขัดแย้งกดดันของฝ่ายต่าง ๆ ในสังคมมีจิตใจที่เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่อยู่ในอานัสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ขัดแย้งในสังคม และต้องมีภาพลักษณ์ให้สังคมเชื่อด้วย”  นายจรัญ กล่าว

อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ประเด็นการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นปัญหากฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาการเมือง ไม่ใช่ปัญหาพฤติกรรม เป็นปัญหากฎหมายแท้ ๆเพราะฉะนั้นควรจะต้องหาข้อยุติให้ถูกต้องตามหลักนิติธรรม นิติศาสตร์ และยุติธรรมศาสตร์ ไม่ใช่ใช้ความคิดเห็นต่างการเมือง เพราะไม่ใช่ปัญหาทางการเมือง

“แต่จะบอกว่าไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ได้ เพราะผลของมันจะนำไปสู่การได้เปรียบ เสียเปรียบทางการเมือง เพราะฉะนั้นจะตัดฝ่ายการเมืองว่าจะขับเคลื่อนไม่ให้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ไม่ได้ ก็ต้องให้โอกาสฝ่ายการเมืองได้แสดงเหตุผล ข้อโต้แย้งชี้แจงกันและกัน แต่เราก็ต้องตั้งสติให้ดีว่าการขับเคลื่อนการเมืองเป็นเรื่องการเมือง จะเอามาใช้เป็นข้อยุติชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายไม่ได้ เพราะมันคนละเรื่อง แต่ควรต้องฟัง ไม่ใช่ไม่ยอมให้เขาพูดเลย อันนี้ก็ไม่ถูกในสังคมประชาธิปไตย” นายจรัญ กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]