“ชลน่าน” แนะนายกฯ ประกาศหมดวาระเที่ยงคืน 23 ส.ค.

ดอนเมือง 21 ส.ค.- “ชลน่าน” ระบุหาก “พล.อ.ประยุทธ์” พ้นตำแหน่ง “อุ๊งอิ๊ง” ยังไม่เหมาะชื่อนายกฯ คนนอก บอกไม่ใช่หน้าที่เพื่อไทยเสนอชื่อ “พล.อ.ประวิตร” ย้ำยุบสภาฯ ช่วงนี้ไม่เหมาะ เว้นแต่เสียงข้างมากคว่ำงบฯ 66 แนะนายกฯ ประกาศหมดวาระเที่ยงคืน 23 ส.ค.


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีวาระการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ครบ 8 ปี หากท้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งจะเสนอใครเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยเพิ่มเติมหรือไม่ว่า หากนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งโดยหลักแล้วพรรคเพื่อไทยต้องส่งแคนดิเดตนายกฯในบัญชีของพรรคไปสู้ และแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยตอนนี้มี 3 รายชื่อ แต่มี 2 คนที่มีภารกิจอื่นไปแล้ว แคนดิเดตจึงเหลือเพียงแค่นายชัยเกษม นิติสิริ ส่วนการเสนอชื่อนายกฯคนนอกนั้น จะเป็นใครก็ได้ รวมทั้ง ส.ส. ก็ได้ เมื่อเสียงที่เลือกนายกฯในบัญชีไม่ถึง 365 เสียง ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้เสนอชื่อคนนอกบัญชีตาม ม.272 หากเลือกได้ก็จบ แต่หากเลือกไม่ได้ก็เข้าสู่กระบวนการเลือกใหม่จนหมดวาระในวันที่ 23 มี.ค.2566 อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ปรึกษาหารือชื่อนายกฯคนนอก เพราะว่ายังมีคนในบัญชี ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ยังไม่เหมาะในสถานการณ์ตอนนี้ รวมถึงการเสนอชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยในการเสนอ

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า คำร้องที่ฝ่ายค้านได้ส่งให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาเพื่อให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความการเป็นนายกรัฐมนตรี ครบรอบ 8 ปีนั้น มี 2 เรื่อง คือ ขอให้ศาลวินิจฉัยความเป็นนายกของ พล.อ.ประยุทธ์ และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุติการปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) ถ้ามีหนังสือออกจากสภาฯ เข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยปกติศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมทุกวันพุธ ก็คือ วันที่ 24 สิงหาคม ก็อาจจะมีการตั้งองค์คณะที่จะมาช่วยพิจารณารับคำร้องหรือไม่ แต่คำร้องของฝ่ายค้านมีคำร้องที่ให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย ก็อาจจะประชุมทั้งองค์คณะ ซึ่งก็จะรู้วันนั้น


เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ยุบสภาใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า การยุบสภาช่วงนี้มีแต่โทษ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศ ส่วนตัวมองว่า ข้ออ้างในการยุบสภาก็ไม่สมเหตุสมผล เพราะสาเหตุที่อ้างได้คือจะต้องมีความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ เช่น การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ในวันที่ 23 สิงหาคมไม่ผ่าน ก็เหมาะสมเลย

เมื่อถามว่า แล้วมีสิทธิที่จะไม่ผ่านหรือไม่ นพ.ชลน่าน หัวเราะก่อนจะตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ในประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะหากเสียงข้างมากถูกบัญชาการให้ใช้ช่องทางนี้ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งหมด เป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลที่สุด ส่วนเหตุผลอื่นที่ต้องการให้ตัวเองอยู่ในอำนาจได้ยาวนั้น เป็นเหตุผลอันตราย เพราะสิ่งที่เราเป็นห่วงคือ การอยู่ในตำแหน่งของนายกฯ เกิน 8 ปี จะไปสอดรับกับจุดมุ่งหมายและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ชัดเจนว่า อยู่ยาวเกิน 8 ปี จะเกิดการผูกขาดอำนาจทางการเมือง และจะเกิดวิกฤติทางการเมือง เราไม่อยากให้เกิดแบบนั้น ดังนั้นการยุบสภาช่วงนี้ หากเพื่อให้ตัวเองรักษาอำนาจและรักษาการได้ ข้อถกเถียงก็คือ จะมีกฎหมายเลือกตั้งมาใช้ในการเลือกตั้งหรือไม่เพราะกฎหมายยังไม่ออก อีกทั้งการออก พ.ร.ก.เลือกตั้งนั้น การบังคับใช้ก็จะเหมือน พ.ร.บ. ไม่เหมือน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญอย่างกฎหมายเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า หากเวลาจวนเจียน และศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สั่งให้นายกฯหยุดปฎิบัติหน้าที่ ฝ่ายค้านจะดำเนินอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นอำนาจศาล เพราะการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญให้กรณีมีเหตุสงสัย ทั้งนี้ หากศาลไม่สั่งหยุดให้ปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำหน้าที่ต่อ ในช่วงที่รอคำวินิจฉัย สมมติว่า ไปมีคำวินิจฉัยอีกเดือนครึ่ง คือ สิ้นเดือนกันยายน ว่า ความเป็นนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสิ้นสุดในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ แม้จะวินิจฉัยอีก 2 เดือน การสิ้นสุดก็ต้องสิ้นสุดตามกฎหมาย สังเกตว่าตั้งแต่ 24 สิงหาคมถึงสิ้นเดือนกันยายน รัฐธรรมนูญก็คุ้มครองอยู่ ว่า การกระทำใดๆที่เกิดในช่วงนี้ ถือว่ากระทำได้ ไม่มีผลไปลบล้างการกระทำนั้น ก็เป็นไปได้ที่ศาลจะไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่เหตุการณ์ที่เรากลัวคือ ข้อขัดแย้งทางการเมือง กระแสต่อต้านที่แรงขึ้น ถ้าหากตนเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาประกาศเย็นวันที่ 23 สิงหาคมว่า ตนเองจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเวลา 24.00 น.ของวันนี้ ขอให้รัฐสภาดำเนินการเลือกนายกฯ คนต่อไป ทุกคนจะปรบมือ นี่คือความรับผิดชอบ และ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในใจประชาชน นี่คือลงจากตำแหน่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่การลาออก แต่เป็นบทบัญญัติตามกฎหมาย


เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านคาดหวังหรือไม่ว่า นายกรัฐมนตรีจะออกอย่างสง่างาม นพ.ชลน่าน ยอมรับว่า ตนฝันว่าจะเป็นทางลงที่ดีที่สุด สิ่งที่ห่วงที่สุดคือ ประชาชนจะลุกฮือขึ้นมา เพราะจะเกิดวิกฤติ อย่าว่าแต่อยู่ในประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีที่อยู่เลย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย