รัฐสภา 5 ก.ย.- “ชลน่าน” ขอสภาเลื่อนโหวตเลือกนายกฯ หลัง สส.เข้าชื่อให้ ปธ.สภา ส่งศาล รธน.ตีความ ปม “ปชน.-ภท.” เซ็น MOA เข้าข่ายครอบงำหรือไม่ ชี้ รัฐบาลเสียงข้างน้อยกำลังทำลายหลักการประชาธิปไตย
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 โดยมีผู้ถูกเสนอชื่อคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย และ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย
โดยที่ประชุมได้อภิปรายคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้ที่ถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมให้เวลาฝ่าย 1 ชั่วโมง
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เรากำลังจะพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีภายใต้ข้อตกลง ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย โดยการทำข้อตกลงร่วม MOA 5 ประกาศ ซึ่งเห็นว่ามีประเด็นที่ต้องพิจารณา 2 เรื่องหลัก คือ
- เรื่องคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะเข้าสู่ตำแหน่ง
- กระบวนการซึ่งได้มาในการนำเสนอบุคคลที่จะเข้าสู่ตำแหน่ง
ตนขอเน้นในประเด็นที่ 2 เพราะเกี่ยวเนื่องกับสภาผู้แทนราษฎรโดยตรงถ้ากระบวนการที่ได้มาไม่ชอบ มีผลมากกว่าคุณสมบัติของคนที่จะได้รับเลือก
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า กระบวนการที่ได้มาตนมองมี 3 ประเด็น คือ 1.ขัดหลักการประชาธิปไตย 2. ขัดรัฐธรรมนูญ 3. ผิดข้อกฎหมาย
โดยการที่มีข้อตกลงของพรรคประชาชนพรรคภูมิใจไทย 5 ข้อ ให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยพรรคประชาชนจะไม่ร่วมเป็นรัฐบาล ไม่ร่วมตำแหน่งรัฐมนตรี และพรรคภูมิใจไทยต้องไม่ไปรวมเสียงข้างมากมี 146 ก็ต้อง 146 เสียง ข้อตกลงเยี่ยงนี้จริงอยู่รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นได้ แต่หลักการสำคัญตามหลักการประชาธิปไตย การปกครองด้วยเสียงข้างมากต้องเคารพเสียงข้างน้อย แต่ปรากฏว่าหลักการนี้กำลังถูกทำลายเพื่อให้ได้มาซึ่งคนหนึ่งคนเป็นนายกรัฐมนตรี
“การที่ไปรวมเสียงลักษณะนี้ ทำให้เกิดการปกครองเสียงข้างน้อยและบอกว่าจะควบคุมการปกครองเสียงข้างน้อย โดยพรรคฝ่ายค้านจะใช้สภาแห่งนี้ในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และยื่นได้เพราะมี 143 เสียง แต่ลงมติท่านก็ได้ 143 เสียง ไว้วางใจเขาได้หรือ เสียงเขามี146 เสียงแล้วมันคุมเขาอย่างไร” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว
นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าว ที่สำคัญเสียงข้างมาก 14ล้านเสียงที่ประชาชนมอบให้พรรคประชาชน 1 ล้านเสียงมอบให้พรรคภูมิใจไทย 14 ล้านเสียงให้ท่านเป็นรัฐบาล ท่านเป็นไม่ได้ท่านเป็นฝ่ายค้านแต่ท่านกำลังยก 14 ล้านเสียงไปให้ 1 ล้านเสียง นี่คือการทำลายหลักการสำคัญของหลักการประชาธิปไตย การเปิดช่องแบบนี้จะเป็นการทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ สิ่งที่น่าเศร้าที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากนี้ หลังลงคะแนนถ้าประกาศนายอนุทิน ได้รับความเห็นชอบจากสภา เมื่อแต่งตั้งเสร็จแล้วก็นับ 1 ระบบรัฐสภา นั่นคือ เรายอมรับระบบที่เข้ามาครอบงำอำนาจทุกอย่าง ถ้ายอมก็ยอมไปแต่ตนเองไม่ยอมจะสู้ให้ถึงที่สุด
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือขณะนี้ สส. ได้เข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 1ใน10 มากกว่า 50 คน ได้ทำเรื่องถึง ประธานสภาฯ เมื่อ11.38 น.ของวันนี้ (5 ก.ย.) ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญถึง กระบวนการที่เราพิจารณาให้ความเห็นชอบเลือกนายกรัฐมนตรี สิ่งที่เป็นเหตุผลอ้างไป คือ การที่พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยไปมีข้อตกลงร่วมกัน โดยในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ถามว่า MOA นี้ เพื่อประโยชน์ใคร เพื่อประโยชน์ของพรรคประชาชนหรือนายอนุทินหรือไม่ ตนไม่ต้องตอบแต่สมาชิกสภาแห่งนี้ตอบได้ ทุกสำนักบอกว่าหากมีการยุบสภาเลือกตั้งพรรคไหนจะมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือพรรคประชาชน เพราะฉะนั้นไม่เป็นประเด็นอะไรเลยไม่มีข้อสงสัยเลยว่าทำไมพรรคประชาชนจึงต้องเรียกร้องให้มีการยุบสภา เพราะต้องการอำนาจจากประชาชนจึงเป็นอำนาจชอบธรรม ตนไม่ได้บอกว่าผิดแต่การกระทำโดยวิธีการแบบนี้เพื่อให้มีการยุบสภาแล้วได้มาซึ่งอำนาจอันชอบธรรมนั้นกระบวนการชอบหรือไม่ การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายกฯ แพทงอฑาร เพียงแต่พูดยังไม่ได้กระทำ แต่ลงโทษถึงร้ายแรง ส่วนเรื่องนี้คือเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจส่วนนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคือเมื่อครอบงำชี้นำสมาชิกมันจะเข้าข่ายเป็นการล้มล้างระบบปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามหลักการของการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะไปครอบงำชี้นำให้สมาชิกมากระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจไม่ชอบทำ นี่คือคำร้องในหนังสือฉบับดังกล่าว ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่รับตนไม่รู้ แต่มีความจำเป็นต้องทักท้วง เพราะเราไม่อยากให้สภาฯ แห่งนี้กระทำผิดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ถ้าเราทำผิดกระบวนการแล้วทุกอย่างในประเทศนี้ไม่ต้องมุ่งหวังพึ่งหวังอะไร ประชาชนพึ่งหวังเลือกตัวแทนเข้ามาแต่เรากลับมอบอำนาจนี้ให้อำนาจอื่นเข้ามา แล้วทำแบบนี้ นี่คือสิ่งที่เป็นหลักการสำคัญ 2 เรื่อง ที่ตนอยากบอกว่าขัดหลักการประชาธิปไตย และครอบงำตามมาตรา 114
สิ่งที่ดำเนินการขณะนี้เป็นเหตุให้ตามข้อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 46 ทำให้ได้มาซึ่งประโยชน์ในสิ่งอื่นใด การคาดหวังว่าจะได้รับเลือกตั้ง ได้รับโอกาสที่ดีขึ้น การดำเนินการให้บุคคลคนหนึ่งซึ่งไม่มีโอกาสเลยที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเสียงที่มีอยู่ขณะนี้ได้เป็นนายกฯและมีข้อตกลงกันแบบนี้มันเข้าข่ายหรือไม่ จะผิดมาตรา 46 ตามข้อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ การที่พรรคภูมิใจไทยไปลงนามใน MOA และพรรคประชาชนบอกว่าพรรคภูมิใจไทยต้องทำแบบนี้ ซึ่งชัดแจ้งแล้วไม่ต้องไปเอาพยานหลักฐานจากที่ไหนบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคไปชี้นำครอบงำให้พรรคการเมืองดำเนินการตามที่เขาต้องการถือเข้าข่ายหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ตนมีข้อกังวลกระบวนการที่ไม่ชอบ ตนอยากให้ประธานสภาพิจารณา ซึ่งตนเลือกนายชัยเกษม สมาชิกหลายคนอาจจะเลือกนายอนุทิน แต่หากมีข้อกังวลข้อห่วงใยแบบนี้และเรื่องกำลังดำเนินการอยู่ หากมีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วการให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ควรจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งหากตนเป็นประธานตนจะนำเรื่องนี้มาวินิจฉัย กระบวนการการเลือกอาจต้องระงับยับยั้งไปก่อนให้สมาชิกอภิปรายให้ถึงที่สุด แล้วรอเรื่องนี้ว่าศาลจะว่าอย่างไร หากศาลไม่รับก็กลับมาลงมติกันถือว่าจบ แต่หากศาลรับมีเหตุอันเชื่อได้ว่าคำร้องเป็นจริง ก็เป็นการสมควรที่จะระงับการเลือกบุคคลหรือให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรดำรงตำแหน่งนายกมติไว้ก่อนจนกว่ากระบวนการทางศาลรัฐธรรมนูญจะสิ้นสุด นี่คือสิ่งที่สภาแห่งนี้พึงกระทำไม่ได้ขัดขวาง ตนอยากให้มีนายกฯ เร็วที่สุดเพื่อเข้ามาดูแลประเทศชาติบ้านเมืองแต่กระบวนการได้มาต้องชอบด้วยหลักประชาธิปไตย ชอบด้วยหลักรัฐธรรมนูญและกฎหมาย .-316 -สำนักข่าวไทย