เกษตรฯ ติดตามสถานการณ์น้ำจากพายุโคนีตลอด 24 ชั่วโมง

กรุงเทพฯ 4 พ.ย. – รมว. เฉลิมชัยสั่งเข้มให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์ฝนและน้ำจากอิทธิพลของพายุโคนีอย่างใกล้ชิด พร้อมเข้าช่วยเหลือและบรรเทาภัยตลอด 24 ชั่วโมง ปลัดเกษตรฯ มอบสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเป็นศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรระดับพื้นที่ เพื่อให้การตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆ ทำได้รวดเร็วที่สุด


นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สั่งการให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์น้ำจากอิทธิพลของพายุโคนีต่อเนื่อง จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า พายุจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 5 พ.ย. จากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แต่ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางกับมีลมแรงระหว่างวันที่ 5 – 7 พ.ย.

ทั้งนี้ ห่วงใยประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาและปราจีนบุรีซึ่งมีฝนตกจากอิทธิพลของพายุและหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนหน้ามาหลายระลอก จึงต้องเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมซ้ำในพื้นที่ที่ยังมีน้ำขังอยู่ รวมทั้งห่วงผลผลิตของเกษตรกรทั้งข้าวที่กำลังออกรวง ปศุสัตว์ และแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดูแลและให้คำแนะนำเพื่อบรรเทาความเสียหาย


นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ย้ำให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำในเขื่อนต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม สำหรับอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ต้องคำนวณอย่างแม่นยำว่า สามารถรับน้ำเพิ่มได้อีกเท่าไรเพื่อเก็บกักไว้ใช้ในฤดูแล้ง แต่หากฝนที่ตกลงมาเพิ่มจะทำให้น้ำเกินเกณฑ์ จำเป็นต้องระบายน้ำออก ต้องให้กระทบพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด

นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดเกษตรฯ กล่าวว่า ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร รายงานว่า วันนี้ (4 พ.ย.) ยังมีอุทกภัยใน 5 จังหวัดได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และสุราษฎร์ธานี

สำหรับที่จ.นครราชสีมา ย้ำให้กรมชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองที่มีน้ำคิดเป็นร้อยละ 117 ของความจุ เขื่อนลำพระเพลิงน้ำคิดเป็นร้อยละ 108 ของความจุ และเขื่อนลำแซะคิดเป็นร้อยละ 110ของความจุ ซึ่งหากฝนตกลงมาอีกระลอกต้องประเมินเรื่องการระบายน้ำออกจากอ่าง โดยให้อยู่ในเกณฑ์ที่ลำน้ำด้านท้ายสามารถรองรับได้ รวมทั้งสั่งให้ระบายน้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงที่จ.อุบลราชธานีให้มากที่สุด เมื่อน้ำที่ไหลจากจ.นครราชสีมาไหลลงไปถึงจ.อุบลราชธานี ระยะเวลาเดินทาง 20 วันจะได้ไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งท่วมอ.วารินชำราบ ขณะนี้จ.นครราชสีมายังคงมีน้ำท่วมขังใน 6 อำเภ ได้แก่ ปักธงชัย วังน้ำเขียว โชคชัย เฉลิมพระเกียรติ เมือง และพิมาย สำนักเครื่องจักรกลและสำนักงานชลประทานที่ 8 ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 53 เครื่องและเครื่องสูบน้ำ 1 เครื่อง (สำรอง 13 เครื่อง) พร้อมสนับสนุนรถแบคโฮ 9 คัน โดยนำรถแบคโฮ 5 คัน ขุดลอกคลองสาบใหญ่ฝั่งขวา-ปตร.โพธิ์เตี้ย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ลงสู่ลำน้ำบริบูรณ์ พร้อมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำที่ ปตร.ข่อยงาม และ ปตร. จอหอ 9 เครื่อง รวมทั้งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 6 ตัว เพื่อเร่งระบายน้ำท้ายเขื่อนพิมาย พร้อมกำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำในลำน้ำมูลและลำน้ำจักราช



ที่ จ.อุบลราชธานีในลำน้ำมูลเเอ่อเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลเมือง ระดับน้ำสูง 30 – 50 ซม. สำนักงานชลประทานที่ 7 นำกระสอบทราย 500 ใบวางแนวกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณโรงเรียนเบญจะมะมหาราช 1 (ชุมชนวังแดง) นอกจากนี้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำถึง 50 เครื่องบริเวณสะพานพิบูลมังสาหารเร่งระบายน้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขง

จ.สุราษฎร์ธานีน้ำจากแม่น้ำตาปีเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำตาปีรวม 4 อำเภอ ได้แก่ เคียนซา พุนพิน บ้านนาสาร และบ้านนาเดิม หากฝนไม่ตกเพิ่มเติม คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 1 วัน แต่โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานียังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จัดเตรียมศูนย์อพยพไว้หากเกิดกรณีฉุกเฉินแล้ว ส่วนจังหวัดอื่นๆ คาดว่า สถานการณ์น้ำท่วมขังจะกลับสู่ภาวะปกติใน 2 – 3 วัน

นายทองเปลว กล่าวว่า สั่งการให้ตั้งศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรระดับพื้นที่ที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ หากพื้นที่ใดประสบภัย จะต้องเข้าช่วยเหลือภายใน 24 ชั่วโมง อีกท้งสามารถรายงานมายังกระทรวงฯ ได้ตลอดเวลาเพื่อที่ผู้บริหารจะได้ตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆ ทันท่วงที สำหรับผลความเสียหายด้านการเกษตรที่สำรวจแล้วพบว่า ได้รับผลกระทบ 21 จังหวัดได้แก่ อุทัยธานี เพชรบูรณ์ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ สุรินทร์ สระแก้ว ปราจีนบุรี ชลบุรี จันทบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี ชัยนาท ฉะเชิงเทรา นครปฐม สตูล สุราษฎร์ธานี กระบี่ และตรัง เกษตรกร 108,366 ราย พื้นที่ 794,034 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 370,979 ไร่ พืชไร่ 360,438 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 62,617 ไร่


สำรวจความเสียหายแล้ว เกษตรกร 1,133 ราย พื้นที่เสียหาย 11,288 ไร่ คิดเป็นวงเงิน 13.60 ล้านบาท ด้านประมง เกษตรกร 2,587 ราย พื้นที่ (บ่อปลา) 2,385 ไร่ บ่อกุ้ง 43 ไร่ กระชัง 4,535 ตรม. สำรวจความเสียหายแล้ว เกษตรกร 1 ราย พื้นที่ 1 ไร่ คิดเป็นเงิน 0.02 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว เกษตรกร 1 ราย พื้นที่ 1 ไร่ วงเงิน 21,125 บาท และด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 7,154 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 266,588 ตัว แบ่งเป็น โค – กระบือ 34,578 ตัว สุกร 6,332 ตัว แพะ – แกะ 1,686 ตัว สัตว์ปีก 223,990 ตัว แปลงหญ้า 958 ไร่ อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย ขณะนี้ทางกระทรวงฯ เตรียมแผนการช่วยเหลือและฟื้นฟูอาชีพ 7 โครงการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีซึ่งคาดว่า จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. พิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]