รัฐบาลเผยผลงานการแก้ไขปัญหาการดำรงชีวิตของประชาชน

สำนักข่าวไทย ๘ ต.ค.- รัฐบาลเผยรายงานผลการดำเนินงาน ๑ ปี ในการแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วน ๑๒ เรื่องของรัฐบาล ตัวอย่างผลงานสำคัญของกระทรวงต่างๆ ดังนี้


• สำนักนายกรัฐมนตรี/สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โครงการประเภทการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน ๒๘๘ โครงการ ได้แก่ การก่อสร้างสะพาน ก่อสร้างถนนคอนกรีต พัฒนาระบบไฟฟ้า ก่อสร้างระบบประปา

โครงการประเภทแหล่งน้ำ จำนวน ๓๔๓ โครงการ ได้แก่ โครงการขุดลอกคลอง ก่อสร้างฝาย พัฒนาแหล่งน้ำ-แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการ โรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ชุมชนแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กรณีได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบจากกิจการเหมืองแร่แมงกานีส ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่


– สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภค ทั้งสิ้น ๑๐,๘๗๖ ราย แก้ไขให้ผู้บริโภคจำนวน ๓,๗๗๒ ราย เป็นเงิน ๔๑๖,๗๐๑,๐๕๐.๖๑ บาท รับดำเนินคดีแทนผู้บริโภค ๒,๑๐๒ ราย เป็นเงิน ๑๗๑,๕๐๔,๔๐๘.๔๙ บาทและไม่ได้ดำเนินคดีแทนผู้บริโภค ๒๓๙ ราย เป็นเงิน ๑๔๐,๗๓๘,๗๕๘.๐๐ บาท สคบ.ได้ดำเนินคดีที่ผู้บริโภคได้รับเงินคืนจากการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาล จำนวน ๑๖ คดี เป็นเงิน ๔,๕๖๖,๓๗๑.๔๙ บาท รวมทั้งได้ดำเนินการตั้งเรื่องยึด/อายัดตามคำพิพากษาศาล จำนวน ๑๕ คดี เป็นเงิน ๔,๑๐๗,๑๓๑.๘๒ บาท

– กรมประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคเพื่อสร้างการรับรู้ความเข้าใจให้ประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๓

กระทรวงยุติธรรม ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบกรณีการลงทุนออมเงินกับแชร์แม่มณี และกรณี Foex-3D


กระทรวงมหาดไทย การจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย ๑) กำหนดพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเป็นพื้นที่ทำการค้าของหาบเร่-แผงลอยจำนวน ๓ จุด รองรับผู้ค้าได้ ๑๔๗ ราย คือ จุดที่ ๑ บริเวณทางเท้าถนนพระราม ๒ ซอย ๖๙ พื้นที่เขตบางขุนเทียนจุดที่ ๒ บริเวณทางเท้าของซอยอารีย์ ๑ พื้นที่เขตพญาไท จุดที่ ๓ บริเวณพื้นที่ว่างของซอยอ่อนนุช ๗๐ พื้นที่เขตประเวศ

๒) จัดระเบียบผู้ค้าในจุดผ่อนผันเดิมที่อยู่ระหว่างการยกเลิก จำนวน ๑๗๑ จุด ในพื้นที่ ๑๘ สำนักงานเขต จำนวนผู้ค้า ๗,๙๒๒ ราย

๓) พิจารณาความเหมาะสมพื้นที่ทำการค้าตามที่กลุ่มเครือข่ายแผงลอยไทยยื่นข้อเรียกร้อง จำนวน ๓ จุด คือ ๑) ตลาดบางคอแหลม เขตบางคอแหลม รองรับผู้ค้าได้ ๑๐๗ ราย ๒) ซอยสุขุมวิท ๑๘ เขตคลองเตย รองรับผู้ค้าได้ ๑๒ ราย ๓) ถนนกำแพงเพชร ๔ เขตจตุจักร รองรับผู้ค้าได้ ๔๐ ราย

๔) จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามโครงการถนนคนเดิน (Walking Street) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๑.โครงการศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอม (Anti Fake News Center : AFNC) เปิดศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (AFNC) เมื่อ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ รับแจ้งเบาะแสและติดตามการสนทนาบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับข่าวปลอม ตั้งแต่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒-๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ พบข้อความข่าวที่ต้องคัดกรอง ๙,๑๖๒,๗๑๘ ข้อความ เข้าเกณฑ์ตรวจสอบ ๑๕,๒๙๗ ข้อความ ดำเนินการตรวจสอบ จำนวน ๕,๒๓๐ เรื่อง ได้รับผลตรวจสอบ ๒,๕๔๙ เรื่อง และมีการเผยแพร่ทั้งหมด ๘๔๐ เรื่อง

จำนวนผู้ติดตามของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม-Website : ๓,๑๐๔,๓๕๑ ผู้รับชม/Line : ๑,๔๐๖,๒๖๓ ราย/Facebook : ๖๒,๗๕๐ ราย/Twitter : ๖,๔๘๖ ผู้ติดตาม

๒.การเฝ้าระวังเว็บไซต์ไม่เหมาะสม ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security Operation Center: CSOC) ก.ค. ๒๕๖๒-ก.ค. ๒๕๖๓ ดำเนินการกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม ที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จำนวน ๙,๕๘๕ URLs จำนวน ๔๑๕ เรื่อง ซึ่งศาลได้มีคำสั่ง (หมายเลขคดีดำ) ให้ระงับการเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จำนวน ๗,๑๓๖ URLs จำนวน ๑๐๓ เรื่อง

• กระทรวงกลาโหม ๑) ดำเนินโครงการฝึกอบรมอาชีพสนับสนุนการสร้างงานให้กับมวลชนรอบค่ายทหาร/ โครงการราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน / โครงการ Army Delivery/ โครงการทหารพันธุ์ดี ๒) จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภัยพิบัติต่างๆ ทั้ง ๔ กองทัพภาค

• กระทรวงการคลัง ๑) การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน จับกุมเจ้าหนี้ ๖,๐๐๒ ราย, ธ.ก.ส.ตั้งคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจํา กทม.และประจําจังหวัด ตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้นอกระบบประจำจังหวัด จัดทำระบบฐานข้อมูลหนี้นอกระบบ (นร.๑) เป็นข้อมูลของประชาชนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือผ่าน ธ.ออมสินและ ธ.ก.ส.

๒) โครงการพิจารณาสินเชื่อ Soft Loan แก่ Non-bank มูลค่าโครงการ ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ไปแล้ว ๔,๙๔๐,๓๔๔ ราย

๓) กําหนดหลักเกณฑ์ให้ความช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงิน กยศ. กําหนดหลักเกณฑ์ช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชําระหนี้ และไม่สามารถชําระหนี้ได้ตามระยะเวลาที่กําหนด งดการขายทอดตลาด-ชะลอการบังคับคดี สำหรับผู้กู้ยืม และ/หรือผู้ค้ำประกัน มาตรการปรับเงินค่าครองชีพให้ผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างศึกษา เริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากเดิม ๑,๒๐๐ บาท/เดือนเป็น ๑,๘๐๐ บาท/เดือน, ระดับ ปวช./ปวส. จากเดิม ๒,๔๐๐ บาท/เดือน เป็น ๓,๐๐๐ บาท/เดือน, อนุปริญญา/ปริญญาตรี จากเดิม ๒,๔๐๐ บาท/เดือน เป็น ๓,๐๐๐ บาท/เดือน ปรับเกณฑ์รายได้ต่อครอบครัวผู้กู้จากเดิมไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท/ปี เป็น ๓๖๐,๐๐๐ บาท/ปี เพื่อขยายฐานผู้กู้ยืมให้มากขึ้น

๔) ปรับปรุงระบบภาษีและการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย ออก พ.ร.ฎ.ลดภาษีที่ดินฯ พ.ศ.๒๕๖๓ บรรเทาภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในอัตราร้อยละ ๙๐ ของจํานวนภาษีที่คํานวณได้ ให้แก่ที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ใช้เป็นที่อยู่อาศัยใช้ประโยชน์

๕) มาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย (โครงการบ้านดีมีดาวน์) สิ้นสุดโครงการมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วม ๑๑๙,๙๐๓ คน มีที่ได้รับสิทธิจำนวน ๑๙,๕๘๗ คน และที่ได้รับเงินสนับสนุนจำนวน ๑๙,๕๔๙ คน ๖) มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)

๗) โครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙ จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท ๓ เดือน ( เม.ย.- มิ.ย. ๒๕๖๓) จำนวน ๑๕.๓ ล้านราย เป็นเงินกว่า ๑๕๙,๕๘๔ ล้านบาท

๘) โครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙ เพื่อช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายเงินเยียวยา ๑,๐๐๐ บาท/เดือน ๓ เดือน (๓,๐๐๐ บาท/คน) จ่ายเงินไปแล้วประมาณ ๓,๐๘๗ ล้านบาท ผู้ได้รับสิทธิประมาณ ๑.๐๓ ล้านราย

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑.โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร ๑,๑๕๓ แห่ง สมาชิก ๓๗๑,๓๘๓ ราย

๒.ดำเนินการบริหารจัดการที่ดินทำกิน ๑) จัดที่ดินให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก.๔-๐๑ จำนวน ๑๘,๑๐๑ ราย ๒) ปรับปรุงแผนที่แปลงที่ดินตามมาตรฐาน RTK GNSS NETWORK จำนวน ๒๑๔,๒๒๘ ไร่ ๓) ตรวจสอบสิทธิการเข้าทำประโยชน์ที่ดินของเกษตรกร จำนวน ๓,๘๒๓,๙๓๔ ไร่ และผู้เข้ารับบริการศูนย์บริการประชาชน จำนวน ๒๗๘,๑๒๔ ราย

๓.ดำเนินการจัดระเบียบการทำประมง ออกมาตรการ ระเบียบ ประกาศ และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องภายใต้กฎหมายที่กำหนด ๒๖ ฉบับ ออกใบอนุญาต/รับรอง และ นส.รับรอง ๒๕,๐๖๔ ฉบับ บูรณาการข้อมูลเรือประมงกับกรมเจ้าท่า ๖๐,๙๘๒ ฉบับ ควบคุม/กำกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ๓๐,๒๕๙ ฟาร์ม และเฝ้าระวังการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคุม ๒๗๑ ครั้ง ติดตามและเฝ้าระวังประมงแหล่งน้ำจืด ๗๕๘ ครั้ง เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนประมงพื้นที่แหล่งน้ำจืด ๒๕ ชุมชน ตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัยในเรือประมง ๔,๗๕๗ ลำ

๔.ป้องกันและแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ๑) ตรวจติดตามและเฝ้าระวังการทำประมงตามกฎหมาย ๑๙๐,๔๖๖ ครั้ง และผ่านระบบติดตามเรือ (VMS) ๒๙,๒๒๕ ครั้ง ตรวจสอบและเฝ้าระวังการทำประมงของเรือประมง และเรือขนถ่ายสัตว์น้ำไทยนอกน่านน้ำ ๑,๑๕๗ ครั้ง ตรวจสอบและเฝ้าระวังการทำการประมงของเรือประมงให้เป็นไปตามกฎหมาย ๖๗๔ ครั้ง ตรวจสอบการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำจากเรือประมงต่างประเทศ ๔๘,๗๑๑ ครั้ง ตรวจสุขลักษณะแพปลา สะพานปลา และท่าเทียบเรือ ๕๘๗ แห่ง และตรวจสอบระบบ ตรวจสอบย้อนกลับของโรงงาน (Traceability) ๑๘๐ แห่ง

๕.พัฒนาความเข้มแข็งของกลุ่มคัดเลือกชุมชนประมง เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชนประมง ตามเป้าหมาย ๑๔๔ กลุ่ม

๖.ชดเชยเยียวยาเจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ปี ๒๕๕๘ จ่ายค่าชดเชยให้กับเจ้าของเรือ จำนวน ๒๕๒ ลำ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหาด้านการกระจายการถือครองที่ดิน โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน จำนวน ๙๑๙ พื้นที่ ๗๐ จังหวัด เนื้อที่ประมาณ ๑,๕๙๘,477-๓-๐๐.๐๕ ไร่ โดยปัจจุบันได้ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในลักษณะแปลงรวมโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ ในพื้นที่ลุ่มน้ำ ๓ ๔ ๕ โดยออกหนังสืออนุญาตแล้ว 252 พื้นที่ 66 จังหวัด เนื้อที่ 687,000 ไร่ จัดผู้เข้าทำประโยชน์ 52,042 ราย และสนับสนุนการพัฒนาอาชีพ 132 พื้นที่ รวมทั้งคาดการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือมลพิษที่อาจจะเกิดขึ้น

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติมกฎหมายฯ พิจารณาร่างหลักเกณฑ์การทำเช่าซื้อโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย นำเสนอคณะกรรมการ กคช. ให้ความเห็นชอบต่อไป

กระทรวงพาณิชย์ ๑)โครงการกำกับดูแลสินค้าและบริการและมาตรฐานชั่งตวงวัด การกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการ โดยกำหนดสินค้าและบริการควบคุม จำนวน ๕๕ รายการ สินค้าและบริการที่ติดตามดูแล ๒๓๐ รายการ เพื่อคุ้มครองประชาชน ผู้บริโภคมิให้ถูกเอาเปรียบ การควบคุมราคายา ค่าบริการโรงพยาบาลเอกชน ด้วยมาตรการแจ้งค่ายา ค่าบริการก่อนการรักษาผ่าน QR Code

๒) โครงการธงฟ้าราคาประหยัดลดค่าครองชีพประชาชน รวม ๙,๐๑๘ ครั้ง เกิดมูลค่าการจำหน่ายสินค้า รวมทั้งสิ้น ๑๕๓.๑๔ ล้านบาท ประชาชนเข้าร่วมงานกว่า ๙๒๒,๕๐๐ คน สามารถลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน คิดเป็นมูลค่า ๖๕.๑๓ ล้านบาท

๓) โครงการร้านอาหารหนูณิชย์ การจัดหาร้านอาหารปรุงสำเร็จ ปัจจุบันมีร้านเข้าร่วมโครงการฯ ทั่วประเทศ จำนวน ๑๕,๖๒๕ ร้าน จำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จราคาไม่เกิน ๓๕ บาท

๔) โครงการ“พาณิชย์ลดราคา ! ช่วยประชาชน” จำนวน ๕ Lot ๑ และ Lot ๒ จำนวน ๕๑ ราย โดยมีสินค้า ๖ กลุ่มสินค้า จำนวน ๓,๐๒๕ รายการ Lot ๓ ช่วยประชาชนในภูมิภาคต่างๆ โดยร่วมกับห้างท้องถิ่นทุกภาคทั่วประเทศจาก ๖๗ จังหวัด รวม ๒๑๑ ห้าง ๒๘๗ สาขา มีรายการสินค้า ๖ กลุ่ม จำนวน ๔,๘๔๕ รายการ ลดราคาสูงสุดร้อยละ ๖๘ Lot ๔ เน้นไปถึงทุกอำเภอทั่วประเทศ ๗๖ จังหวัด รวม ๘๗๘ อำเภอ ๖ กลุ่มสินค้า จำนวน ๗,๑๕๘ รายการ Lot ๕ Back To School ลดราคาสูงสุดถึงร้อยละ ๘๐ สินค้าชั้นอนุบาล ประถม และมัธยมปลาย

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โครงการ “Thailand Street Food Festival ๒๐๒๐” เปิดโครงการนำร่องถนนคนเดิน (Walking Street) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ บริเวณถนนสีลม และถนนเยาวราช กรุงเทพมหานคร

กระทรวงคมนาคม เร่งรัดการก่อสร้าง แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด ปรับปรุงทางหลวงหมายเลข ๓๕ (ถนนพระราม ๒) เพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน แก้ไขปัญหาการเวนคืนที่ดินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข ๘๑ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ด้วยการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินจากเดิม ๕,๔๒0 ล้านบาท เป็น ๑7,๔๕๒ ล้านบาท แก้ไขปัญหา PM ๒.๕ ที่เกิดจากยานพาหนะ

กระทรวงแรงงาน ตรวจแรงงานในเรือประมงทะเล ณ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก (PIPO) โดยจัดชุดตรวจเรือ จำนวน ๓๐ ศูนย์ และจุดตรวจเรือประมงล่วงหน้า (FIP) ๒ จุด และบูรณาการตรวจคุ้มครองแรงงานในเรือประมงทะเลในพื้นที่ ๒๒ จังหวัดชายทะเล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]