“ณัฐวุฒิ” จี้ “ปชน.-ภูมิใจไทย” จับเข่าคุยถอนร่างแก้ รธน.ไปทำเป็นร่างเดียวกัน

ที่รัฐสภา 24 ก.ย.-“ณัฐวุฒิ” จี้ “พรรคประชาชน-ภูมิใจไทย” จับเข่าคุยถอนร่างแก้ รธน.ไปทำเป็นร่างเดียวกัน หลังแค่เริ่มที่มา ส.ส.ร.ก็เห็นต่างกันแล้ว ชี้ ปชน.ไม่สามารถคุมเกมอำนาจต่อรองได้ตั้งแต่ก่อนเซ็น MOA หวั่นล่มกลางทางก่อนได้ทำประชามติ มี ส.ส.ร.ตามสูตรใต้อิทธิพลบางพรรคการเมือง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย ว่า ตนขอส่งเสียงในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เฝ้ามองขอเรียกร้องให้พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย เปิดพื้นที่ในการพูดคุยต่อสาธารณะให้ประชาชนได้รับทราบไปพร้อมๆกัน เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายที่ได้ทำ MOA ร่วมกัน ในการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยขึ้นมา ภายใต้เป้าหมายให้มีการทำประชามติ ไปสู่ประตูการแก้รัฐธรรมนูญ ได้มีข้อสรุปร่วมกันว่าจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะเสนอเป็นร่างเดียว แต่ให้มีการลงชื่อร่วมกันของ 2 พรรคการเมือง แม้ว่าในทางกฎหมายจะสามารถทำให้ทุกพรรคการเมืองต่างก็เสนอร่างของตนได้ แต่เรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษเนื่องจากเกิดจากดีลที่พรรคสีส้มและพรรคสีน้ำเงินไปตกลงทำกันมา ดังนั้น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงควรแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันทั้ง 2 พรรค เพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าภายใต้ข้อตกลงนี้ ทั้งพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคแกนนำฝ่ายค้านมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน มีเนื้อหาสาระอย่างเดียวกัน และมีที่มาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) แบบเดียวกัน เพื่อผลักดันให้เกิดผลในรัฐสภาเพราะหากต่างคนต่างร่าง หรือต่างคนต่างเสนออย่างที่เป็นอยู่ ก็จะมีปัญหาว่าเมื่อรัฐสภาผ่านวาระแรกไปแล้ว ในชั้นกรรมาธิการจะใช้ร่างฉบับใดเป็นร่างหลัก และถึงที่สุดหน้าตาของสสร. ซึ่งจะเป็นเนื้อหาของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะออกมาอย่างที่คนส่วนใหญ่เขากังวลว่าอาจจะเกิดเป็นสสร. สีน้ำเงินขึ้นด้วยหรือไม่


นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้เริ่มต้นได้ที่พรรคประชาชนในฐานะผู้เสนอเงื่อนไข และผู้กำหนด MOA ขอให้หัวหน้าพรรคประชาชน เดินไปพูดคุยกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตกลงกันเสร็จ แล้วประกาศกับประชาชนว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 2 พรรค เนื้อหาเป็นอย่างไร และประชาชนควรจะมีสิทธิ์ได้เห็นภาพแกนนำของทั้ง 2 พรรค เดินไปเปิดโต๊ะหารือกับสว. เพื่อขอรับการสนับสนุนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่การเสนอให้มีการก้าวก่ายขอบเขตอำนาจและการปฎิบัติหน้าที่ระหว่างสภาล่างกับสภาสูง แต่เนื่องจากรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลดีลพิเศษ วิธีปฏิบัติจึงไม่ควรยึดในกรอบอย่างปกติทั่วไป ควรยึดเอาเป้าหมายและความเชื่อมั่นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

“พรรคประชาชนอย่าได้เกรงใจพรรคภูมิใจไทย ท่านต้องการแบบไหนหรือจะเดินแบบไหนคุยกันให้ชัด ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกมองว่านี่เป็นการเสนอเงื่อนไขที่มีความเกรงใจคู่สัญญามากที่สุด เท่าที่เคยมี และความเกรงใจนี้สร้างความกังวลและสร้างความสับสนในหมู่ประชาชน และอาจทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข แทนที่จะเป็นการเดินหน้าประชาธิปไตยกลับกลายเป็นลากพัฒนาทางการเมืองของสังคมไทยให้ถอยหลังไกลลงไปอีก หากเกิดสสร. ที่แอบอิงอยู่กับพลังของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง”นายณัฐวุฒิ กล่าว


เมื่อถามว่า วันนี้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนได้มีการยื่นเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว แต่มีความแตกต่างเรื่องที่มาของ สสร. นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่ายื่นไปแล้วก็ถอนได้ และยื่นเข้าไปใหม่ได้ ส่วนตัวตนอยากเห็นร่างที่ยื่นร่วมกันของ 2 พรรคการเมืองนี้ ตนอยากเห็นเนื้อหาชัดๆ ว่าที่ตกลงกันเป็น MOA ของ 2 พรรคการเมืองนี้มีเจตนารมณ์ร่วมกันอย่างไร หากเริ่มต้น 2 พรรคการเมืองที่ทำ MOA ดีลกันมายังเห็นไม่ตรงกัน แล้วจะมีหลักประกันที่ไหนให้ประชาชนเห็นว่าเกิดความหวังว่าดีลนี้จะสำเร็จตามเป้าหมายได้ หากถอนวันนี้แล้วคุยกันภายในเย็นวันนี้ (24 ก.ย.) วันที่ 25 ก.ย. ยื่นเข้าไปใหม่ กระบวนการก็ไม่เสียหาย ไม่ล่าช้า ขึ้นอยู่กับท่านเลือกที่จะปฏิบัติหรือไม่

เมื่อถามว่าทั้ง 2 พรรคจะพูดคุยกันได้หรือไม่ เพราะที่มา สสร.ต่างกัน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ที่ทั้ง 2 พรรคต้องมาคุยให้รู้เรื่อง เพราะตอนที่ท่านตกลงทำ MOA กันก็ไม่มีใครรู้เรื่องด้วย ท่านรู้เรื่องกันเอง 2 พรรค ดังนั้น เมื่อความปรากฏว่าแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของท่านไม่ตรงกัน และมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย ไม่แปลกที่ท่านจะเปิดโต๊ะพูดคุยกันต่อหน้าประชาชน ตามแนวทางการเมืองบนโต๊ะ การเมืองเปิดเผย การเมืองตรงไปตรงมา ที่บางพรรคการเมืองพูดมาตลอด เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าตนพยายามมาเปิดประเด็นหาเหตุหาเรื่องกันทางการเมืองให้ยุ่งขึ้น แต่ตนเพียงแค่มาเสนอแนวทางที่จะคลี่คลายปัญหาในการเริ่มต้นกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประชาชนจับต้องได้เท่านั้น

ส่วนหากทั้ง 2 พรรค ไม่ยอมถอนร่างเพื่อทำให้เป็นร่างเดียวจะเดินต่อได้อย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทั้ง 2 พรรคต้องรับผิดชอบต่อข้อตกลงและท่านจะดำเนินการอย่างไรก็ตามในชั้นกรรมาธิการ ในการประชุมของรัฐสภาให้บรรลุผลอย่างดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ออกมาต่อประชาชน ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอที่ด้วยความหวังดี อาจมีแนวทางอื่นที่ดีกว่าสิ่งที่ตนเสนอแต่ตนเห็นว่าถ้า 2 พรรคสำคัญของดีล MOA ยังเห็นกันคนละทาง ร่างกันคนละเรื่อง แค่เริ่มต้นก็น่ากังวลแล้วว่าจะไปล้มกลางทาง


เมื่อถามว่า หากมองสถานการณ์ตอนนี้ จะเดินไปถึงขั้นตอนการทำประชามติได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าความน่าห่วง น่ากังวลจะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ส่วนตัวคิดว่าเดินมาถึงขั้นนี้เอาให้ได้ ให้มีประชามติแต่ก็ไม่ใช่สักแต่จะลงประชามติ เนื้อหาสาระของการแก้ไขต้องควรตอบโจทย์ของการพัฒนาการเมืองไปสู่ประชาธิปไตย ควรให้ความมั่นใจกับประชาชนได้ด้วยว่านี่ไม่ใช่เกมเติมอำนาจให้ขั้วการเมืองหนึ่งการเมืองใดให้มีพลังใหญ่ขึ้นไปอีก ถ้าพรรคการเมืองบางพรรคเป็นรัฐบาลคุมอำนาจบริหารสามารถที่จะสนิทแนบชิดกับสว. ซ้ายหันขวาหันได้ สว. ตั้งองค์กรอิสระ และยังมีสสร.ที่ต้องมาจากรัฐสภา ซึ่งประชาชนก็มองด้วยสายตาที่มีคำถาม อย่าให้เป็นแบบนั้น ถ้ามันเป็นแบบนั้นต้องแก้เสียวันนี้ โดยพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยต้องคุยกันใหม่และเสนอร่างแบบเดียวกัน

ส่วนหาก 2 พรรคคุยกันได้มองว่าที่มาของ สสร.จะไปในทิศทางของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า แนวทางของพรรคภูมิใจไทยคือให้รัฐสภาเลือกโดยตรงจากแต่ละจังหวัด และเลือกผู้เชี่ยวชาญมาอีก 22 คน ถ้าเป็นรัฐสภาที่ไม่มีข้อครหาเรื่อง สว. สีน้ำเงินก็แบบหนึ่ง แต่เวลานี้ สว.จำนวนเกินกว่าครึ่งหนึ่ง ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฮั้ว สว. ซึ่งสังคมกำลังมองว่ามีความใกล้ชิดอย่างยิ่งกับพรรคแกนนำรัฐบาล แบบนี้จะนำสู่การร่างรัฐธรรมนูญตั้งต้นประชาธิปไตยได้อย่างไร ดังนั้น ตนเห็นว่าแนวทางของพรรคประชาชน หรือของพรรคเพื่อไทยก็ตาม ที่อย่างน้อยมีสารตั้งต้นให้ประชาชนได้เลือกคนมาทำหน้าที่น่าจะเป็นแนวทางที่พรรคภูมิใจไทยควรจะรับไว้พิจารณา และควรที่จะร่วมกันเสนอร่างแก้ไขเสนอรัฐธรรมนูญแบบใดแบบหนึ่ง หรืออาจจะมีแบบหนึ่งที่กว่าโดยไม่ใช่ให้รัฐสภา มีอำนาจในการเลือกสสร. โดยตรงเหมือนที่พรรคภูมิใจไทยเสนออยู่ ตนไม่ได้กล่าวหาให้พรรคภูมิใจไทย หรือวุฒิสภาเสียหาย แต่ตนมาแสดงความกังวลว่าหากปล่อยไปแบบนี้บ้านเมืองจะเสียหาย

ส่วนมองว่าพรรคประชาชนจะสามารถคุมเกมต่อรองกับพรรคภูมิใจไทยได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ตนคิดว่าคุมไม่ได้ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ตั้งแต่วินาทีที่เซ็น MOA ด้วยซ้ำ ตนคิดว่าภาพสะท้อนที่คิดว่าพรรคประชาชนคุมเกมนี้ไม่ได้ มันเกิดตั้งแต่ก่อนเซ็น MOA คือเกิดมาตั้งแต่การเร่งรัดในการแถลงตอบรับการโหวตให้กับพรรคภูมิใจไทยโดยพรรคประชาชน ซึ่งเดิมมีการนัดแถลงไว้ช่วง 09.30 น. แล้วมีการขยับมาเป็นเวลา 09.00 น. แต่แถลงจริงเวลา 08.46 น. โดยประมาณ ซึ่งตนคิดว่านี่เป็นสัญญาณว่าพรรคประชาชนไม่ใช่ผู้คุมเกมตัวจริงในดีลนี้”

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนเมื่อคุยกันแล้วเกมจะออกไปในทิศทางใดนั้น ก็ขอให้ประชาชนรับทราบด้วย รับฟัง และได้ติดตามสังเกตการณ์ด้วยว่าพวกท่านคุยกันอย่างไร เพราะเมื่อมีการประชุมกรรมาธิการงบประมาณ หรือมีการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายการเมือง หลายคนเรียกร้องให้มีการถ่ายทอดสด ดังนั้น หากพรรคประชาชนคุยกับพรรคภูมิใจไทยเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถ่ายทอดสดหรือเฟซบุ๊กไลฟ์ ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำได้และประชาชนได้ประโยชน์ด้วย

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าทำตาม MOA การยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ว่าขณะนี้คือการทำ MOA หรือไม่

“ต้องให้พรรคประชาชนเป็นผู้อธิบาย แต่สำหรับตนคิดว่าเรื่องนี้กำลังนำพาให้แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดกลายเป็นปัญหาใหม่ และกลายเป็นปัญหาใหญ่ หากเราได้ สสร.ตามสูตรที่คนกังวลว่าจะอยู่ในอิทธิพลของบางพรรคการเมือง” นายณัฐวุฒิ ระบุ

เมื่อถามย้ำถึงข้อกังวลว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะล้มกลางทางหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เห็นไม่ตรงกันตั้งแต่วันยื่นแล้ว และพรรคที่เห็นไม่ตรงกันคือพรรคที่ไปทำดีล MOA ด้วยกัน ลองประเมินดูว่าสภาพจะเป็นแบบไหน และลองคิดต่อว่าหากเห็นไม่ตรงกันจริงและตกลงกันไม่ได้ แล้วมีการเสนอร่างกันคนละฉบับ หากต้องเลือก สว.จะเลือกร่างของพรรคไหน.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

วิศวกรรมสถานฯ ห่วงดินอ่อนเสี่ยงขยายวง หลังถนนหน้า รพ.วชิรพยาบาล ทรุดตัว

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – วิศวกรรมสถานฯ ตรวจสอบเหตุถนนทรุด หน้า รพ.วชิรพยาบาล เบื้องต้นพบยังมีน้ำรั่วซึม ทำให้ดินใต้ถนนอ่อนตัว มีโอกาสสไลด์เพิ่ม หากมีฝนตกลงมา นายธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุผิวจราจรทรุดตัวบริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ายังมีน้ำรั่วซึม ทำให้ดินใต้ถนนอ่อนตัวและมีโอกาสสไลด์เพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะหากมีฝนตกลงมา จะเพิ่มความเสี่ยงให้พื้นที่ไม่คงตัวมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเร่งหาทางปิดแหล่งน้ำที่รั่วซึม ทั้งจากท่อประปาและท่อระบายน้ำ ซึ่งยังมีน้ำไหลออกมาเป็นระยะ หากสามารถหยุดได้จะช่วยสร้างเสถียรภาพชั่วคราวให้กับดิน และลดโอกาสการขยายวงของการทรุดตัว พร้อมกันนี้มีการนำเครื่องมือสำรวจ เช่น 3D Scan มาช่วยวัดความกว้าง ความยาว และความลึกของหลุม เพื่อประเมินความปลอดภัยและแนวทางแก้ไขอย่างชัดเจน สำหรับอาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล (สน.ใหม่) พบว่าเสาเข็มบางต้นหักหรือแตกร้าว ทำให้ต้องตรวจสอบรอยร้าวของโครงสร้างอาคารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอันตรายต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ นายธเนศ เน้นย้ำว่า มาตรการสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือการปิดกั้นพื้นที่เสี่ยงและไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าใกล้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้วิศวกรรมสถานฯ ได้เสนอแนวทางเบื้องต้น คือการควบคุมน้ำไม่ให้รั่วซึม การกั้นเขตพื้นที่เสี่ยง และการติดตามโครงสร้างอาคารโดยรอบอย่างต่อเนื่อง ก่อนประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าพื้นที่จะกลับมาเสถียรและปลอดภัยเมื่อใด ด้านนายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนทรุด […]

นายกฯ รุดตรวจถนนยุบ สั่งเร่งหาสาเหตุ คุมสถานการณ์ได้แล้ว

สามเสน 24 ก.ย.- นายกฯ รุดตรวจเหตุถนนสามเสนยุบตัว ขึ้นตึกวชิรพยาบาล ดูมุมสูง ชี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว บอกไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ทรัพย์สินเสียหาย ห่วง สน.สามเสน เสาเข็มขาด 2-3 ต้น ประสานโรงพยาบาลในเครือ รองรับผู้ป่วย มอบโยธารวบรวมผู้เชี่ยวชาญหาสาเหตุที่แท้จริง ด้าน รฟม. น้อมรับชดเชยค่าเสียหายทุกอย่าง ขณะผู้ว่าฯ กทม. สั่งเตรียมเครื่องสูบน้ำ หวั่นฝนถล่มซ้ำ กันประชาชนเข้าใกล้รัศมี 100 เมตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 10.35 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ถนนสามเสน บริเวณด้านหน้า โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รอรับและรายงานสถานการณ์ และการลงพื้นที่ครั้งนี้มี น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยชนก […]

สั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง พื้นที่เกิดเหตุถนนทรุด

กรุงเทพ 24 ก.ย.- รฟม. สั่งการให้หยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงในพื้นที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ตามที่เกิดเหตุพื้นถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ใกล้เคียงกับจุดก่อสร้างทางขึ้น-ลงที่ 4 สถานีวชิรพยาบาล (PP19) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 นั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แจ้งให้นางมัลลิกา จิระพันธุ์วานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ร่วมกับนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยในเบื้องต้น ผู้ว่าการ รฟม. พร้อมด้วยผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ และทีมงาน ได้สั่งการให้หยุดการก่อสร้างบริเวณพื้นที่เกิดเหตุในทันที เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างบางส่วน และอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย รฟม. ได้ประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ทั้งการประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจในพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงจัดการจราจรในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้สัญจร ทั้งนี้ […]

วชิรพยาบาลปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน เหตุถนนทรุดไม่กระทบอาคาร

24 ก.ย.- คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ยันตัวอาคารโรงพยาบาลไม่ได้รับผลกระทบ ขอปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน รับกังวลการมาทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวถึงกรณีการทรุดตัวลงของพื้นผิวถนนหน้าโรงพยาบาลวิชรพยาบาลว่า ตัวของโรงพยาบาลไม่มีผลกระทบอะไรเลย เพราะด้านหน้ามีกำแพงกั้นดินที่ลึกถึง 60 เมตร และตัวอาคารทีปังกรฯ มีกำแพงอยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาทและการจราจรก็มีปัญหาจึงได้หยุดให้บริการตึกผู้ป่วยนอกเป็นเวลา 2 วัน และตึกดังกล่าวไม่ได้มีการอพยพผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยทั้งหมดในตึกนั้นเป็นผู้ป่วยนอกจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอพยพ ทั้งนี้ หากมีเหตุจำเป็นและเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินทางโรงพยาบาลยังเปิดให้บริการอยู่ ตอนนี้เราเป็นห่วงในเรื่องของการจราจรส่วนอาคารนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร ในส่วนของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็ยังสามารถใช้ประตูอื่นบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลได้ ส่วนที่เรากังวลคือการเดินทางมาทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาล. -สำนักข่าวไทย