กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – ศาลให้ประกันตัว “เจ๋ง ดอกจิก-ศรีสุวรรณ” หลักทรัพย์คนละ 6 แสนบาท เงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ขณะเจ้าตัวเตรียมยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ เชื่อศาลจะให้ความยุติธรรม ด้านอธิบดีกรมการข้าว มองเป็นกรรมของแต่ละคน ไม่ได้รู้สึกอะไร ให้เป็นตามเวรกรรม
นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก เปิดเผยภายหลังฟังคำตัดสินว่า ตนเองเคารพคำตัดสินของศาล ซึ่งประเด็นที่จะเป็นแนวทางการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ คือประเด็นที่ศาลมองว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ถูกลงโทษจำคุก 6 ปี แต่ส่วนตัวมองว่าตนเองไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะการแต่งตั้งของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นการแต่งตั้งเฉพาะตัว ซึ่งศาลยังไม่ได้ดูในรายละเอียด เพราะการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น เงินเดือน ซึ่งที่ผ่านมาตนเองไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับตำแหน่งดังกล่าว แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลใจกับคำตัดสิน เพราะมองว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ขณะเดียวกันจะมีการต่อสู้ในประเด็นการเชื่อมโยงจำเลยทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์ โดยจะชี้แจงว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกับจำเลยอีก 4 คน เนื่องจากไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรจากจำเลยทั้งหมด และเชื่อว่าคำตัดสินในศาลชั้นสูงจะให้ความยุติธรรมกับตัวเอง
คำพิพากษาในวันนี้ศาลได้นำโทษคดีคาร์ม็อบ 2 คดี ในพื้นที่เมืองพัทยา และกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2564 มารวมกับการพิจารณาในครั้งนี้ด้วย ทำให้มียอดรวมจำคุก 6 ปี 4 เดือน สำหรับหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัววันนี้ ตนเองได้ใช้โฉนดที่ดินในจังหวัดนนทบุรี มูลค่า 600,000 บาท วางประกัน เบื้องต้นศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว แต่มีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
ด้านทนายความส่วนตัวของเจ๋ง ดอกจิก ระบุว่า ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของฝั่งผู้เสียหายและตำรวจ ซึ่งมองว่าเป็นการสรรหาพยานหลักฐานจากสิ่งที่ผู้เสียหายสร้างขึ้น โดยไม่ได้นำพยานหลักฐานของฝั่งจำเลยมาใช้ประกอบ หลังจากนี้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานที่ต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
ส่วนประเด็นของวัดพระบาทน้ำพุ เจ๋ง ดอกจิก บอกว่า ตนเองเคยไปวัดพระบาทน้ำพุแค่ 2 ครั้ง ก่อนที่อดีตเจ้าอาวาสจะถูกจับ ที่ไปเพราะว่าไปดูสาธารณประโยชน์ที่ท่านทำไว้ เช่น เรื่องของลิง ผู้ป่วยติดเตียง หรือคนเฒ่าคนแก่ รวมไปถึงสนามฟุตบอล และอื่นๆ อีกอย่างตนเองเป็นคนชอบทำบุญหยอดตู้บริจาคอยู่แล้ว ตอนไปก็ไปทำบุญหยอดตู้ แต่ไม่เคยโอนเงินให้ใคร ในครั้งแรกที่ไปพบหลวงพ่อ เพียงแค่ 5 นาที ก็ได้แนะนำตัวให้ท่านรู้จัก โดยไม่ได้คุยอะไรกันต่อ
ส่วนเรื่องการครอบครองโฉนดนั้น เจ๋ง ดอกจิก ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เป็นเรื่องจริง การที่จะถือครองโฉนดที่ดินได้ จะต้องสนิทกัน 5-10 ปี แต่ตนรู้จักแบบผิวเผินกับอดีตเจ้าอาวาสเพียงแค่ 2 วัน ถ้าตนมีชื่อครอบครองโฉนดที่ดินก็ดีจะได้นำมาประกันตัวในคดีนี้เลย
ขณะเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า แนวทางการต่อสู้คดีหลังจากนี้จะเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรแต่ก็รู้สึกผิดคาด เนื่องจากพยานหลักฐานที่ตำรวจนำมาใช้และปรากฏในสื่อมวลชนเป็นหลักฐานของฝ่ายตำรวจทั้งหมด ส่วนข้อเท็จจริงข้อกฎหมายและพยานหลักฐานในส่วนของตนเองและคณะ ศาลไม่ได้นำมาเข้าสู่กระบวนการตามที่คาดหวังไว้ ทำให้หลังจากนี้ตนเองจะนำหลักฐานดังกล่าวขึ้นสู่ชั้นอุทธรณ์ ส่วนตัวยังเชื่อมั่นในข้อเท็จจริงที่ตัวเองได้ยื่นให้ศาลพิจารณา และเชื่อว่าศาลอุทธรณ์จะให้ความเมตตาหลังได้ตรวจสอบพยานหลักฐานในฝั่งของตนเองต่อไป สำหรับหลักทรัพย์ในการยื่นขอประกันตัวนั้น ตนเองได้ใช้หลักทรัพย์เป็นเงินหลักทรัพย์เดิมที่ใช้ในชั้นอัยการ 600,000 บาท โดยตัวเองได้ใช้โฉนดที่ดินในกรุงเทพมหานคร เพื่อขอประกันตัวในชั้นนี้ โดยศาลมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเช่นกัน
ขณะที่อธิบดีกรมการข้าว เผยทราบข่าว เจ๋ง ดอกจิก และศรีสุวรรณ ถูกตัดสินจำคุกคดีเรียกรับทรัพย์สินแล้ว มองว่าเป็นกรรมของแต่ละคน และตนเองไม่ได้รู้สึกอะไร ให้เป็นตามเวรกรรม
ภายหลังทีคำพิพากษาจำคุกนายเจ๋ง ดอกจิก 6 ปี และนายศรีสุวรรณ จรรยา พร้อมพวกรวม 5 คน คนละ 4 ปี จากกรณีที่ร่วมกันเรียกรับทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวนั้น ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถาม นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว บอกว่า วันนี้ตนไม่ได้เดินทางมามีาศาล แต่ก็ทราบข่าวผ่านหน้าสื่อแล้ว ที่ผ่านมาได้ให้การไปกับศาลทั้งหมดแล้ว รวมถึงพยานหลักฐานต่างๆทั้งคลิปเสียง แชทไลน์ คลิปวิดีโอต่างๆ ที่ให้ไปตามข้อเท็จจริง ส่วนตัวมองว่า “เป็นกรรมของเขา เพราะว่าเขาทำกรรมมาเยอะ คนเราทำอะไรก็หนีกรรมไม่พ้น” ถ้าถามความรู้สึกส่วนตัวมองว่าเฉยๆ เพราะตนเองโดนกระทำมาเยอะ ถูกใส่ร้ายมาเยอะตั้งแต่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว ซึ่งตนเองก็ค่อย ๆ แก้ไป เพราะเราไม่ได้กระทำความผิด แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ไปขัดผลประโยชน์กลุ่มคนบางกลุ่ม แต่ส่วนตัวก็ต้องยอมรับความเป็นจริง เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ แค่ตนเองรู้ตัวว่าไม่ได้กระทำความผิดแค่นี้ก็เพียงพอ
เมื่อถามว่า รู้สึกโล่งใจหรือไม่ หลังมีคำพิพากษา นายณัฏฐกิตติ์ บอกว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้เอามาใส่ใจว่าจะติดเท่าไหร่ ผมก็ทำตามหน้าที่ของตนไปหมดแล้ว
เมื่อถามว่ามีอะไรจะพูดฝากไปถึง นายศรีสุวรรณ หรือ เจ๋ง ดอกจิก หรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ บอกว่า ตนเองไม่มีอะไรจะพูดถึง ขอปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของศาล อัยการ ตำรวจ ที่ตัดสินไปแล้ว ส่วนตัวไม่มีอะไรติดใจ เพราะถือว่าตนเองทำหน้าที่ของตนเองดีที่สุดไปแล้ว และสังคมจะได้ไม่ตราหน้าว่าตัวเองเป็นคนขี้โกง.-420-สำนักข่าวไทย