รัฐสภา 16 ก.ย.- “หมอเปรม” ทวง ที่ประชุมวุฒิฯ ถกญัตติ คำวินิจฉัยแก้ รธน. เจอ “พิสิษฐ์” เบรก เป็นเรื่องที่เคยอภิปรายแล้ว ไม่ควรเสนอในสมัยประชุมนี้อีก ขณะนี้ “บุญส่ง” แจ้ง “ปธ.วุฒิสภา” เตรียมถกเรื่องนี้ในประชุมวิปวุฒิฯ
ในการประชุมวุฒิสภา มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ได้ลุกขึ้นหารือ ว่า กรณีที่ได้ยื่นหนังสือเพื่อให้ประธานวุฒิสภาบรรจุวาระหารือกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรนูญจำนวน 3 ครั้ง เพื่อให้วุฒิสภามีส่วนร่วมในการดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญของประเทศและประชาชน รวมทั้งภาพลักษณ์ของวุฒิสภาจะได้ทำงานควบคู่กับสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนได้ยื่นหนังสือดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยหวังว่าประธานวุฒิสภา จะบรรจุวาระและให้พิจารณาในวันที่ 15 ก.ย. แต่จนถึงวันนี้ 16 ก.ย. ก็ไม่มีปรากฎวาระดังกล่าว ก่อนที่วันนี้จะมีการปิดการประชุม ขอให้ประธานพิจารณาในเรื่องนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับท่าทีของวุฒิสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทำให้นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. อภิปรายว่าตามที่นพ.เปรมศักดิ์ นำเสนอ ตนคิดว่าเรามีการพิจารณาญัตติเรื่องที่มีหลักการคล้ายคลึงกันในสมัยประชุมนี้ไปแล้ว คือเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่มีการพิจารณาขอให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาเรื่องบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ซึ่งในวันดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายอย่างกว้างขวางแล้ว และตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาข้อ 51 บัญญัติไว้ว่า ญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามมิให้นำญัตติ ซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นมาเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ประธานวุฒิสภาจะอนุญาต เมื่อพิจารณาเห็นว่าพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งตนมองจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรหรือแตกต่างจากที่มีการอภิปรายไปแล้ว จะอภิปรายอีกครั้งก็ไม่แตกต่างกัน แม้กระทั่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามรัฐสภาให้ประชาชนเป็นผู้เลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่าอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ดังนั้น ตนจึงเห็นสมควรว่าไม่ควรพิจารณาเป็นญัตติในวาระการประชุมสมัยนี้
ทั้งนี้นายบุญส่ง ชี้แจงว่า ทราบว่าประธานวุฒิสภาได้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ในวันที่ 17 ก.ย. นี้ ซึ่งก็จะรู้ว่าผลออกมาอย่างไร ดังนั้น จึงขอจบเรื่องนี้ไว้ก่อน และขอปิดการประชุมในเวลา 12.13 น. -315 -สำนักข่าวไทย