ศูนย์ AOC 15 ก.ย.- ปลัดดีอี เผยสายด่วน AOC โทรเข้า 1,300 สาย ให้ข้อมูลได้เพียง 300 สาย พบผู้บริสุทธิ์ปลดล็อกได้แค่ 30 สาย ที่เหลือคาดเป็นบัญชีม้าตีเนียนโทรมาหวังกดดันเจ้าหน้าที่ชุบตัว ยันเร่งปลดล็อกบัญชีเป็นผู้บริสุทธิ์ ย้ำเฉพาะยอดเงินไม่ใช่ทั้งบัญชี
ที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยความคืบหน้า ภายหลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประชุมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ถึงการดำเนินมาตรการเพิกถอนการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวในบัญชีที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นผลมาจากการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 โดยจะเร่งปลดล็อกบัญชีของผู้ที่ได้รับผลกระทบในเร็วที่สุดนั้น
โดยตั้งแต่เปิดรับเรื่องเฉพาะกรณีระงับบัญชี พบว่า เฉพาะตัวเลขที่มีการตรวจสอบแล้ว สำหรับวันที่ 14 ก.ย.2568 มีผู้โทรศัพท์เข้ามาร้องเรียนผ่านศูนย์ AOC 1441 กด 2 ประมาณ 1,300 สาย ในจำนวนนี้มีผู้ให้ข้อมูลได้เพียงแค่ 300 สายเท่านั้น ส่วนอีก 1,000 สาย ให้ข้อมูลไม่ได้
จากการตรวจสอบ 300 สาย พบว่าเป็นบัญชีผู้บริสุทธิ์จริงๆอยู่ที่ 30 สาย หรือคิดเป็น 10% ส่วนอีกประมาณ 270 สายเป็นบัญชีม้า โดยมองว่าที่บัญชีม้ากล้าโทรศัพท์เข้ามา เพราะต้องการปลุกกระแส และกดดันให้เจ้าหน้าที่รีบปลดล็อกบัญชีโดยไม่ตรวจสอบก็เป็นได้ ส่วนประชาชนที่เดือดร้อน และเป็นผู้บริสุทธิ์สุจริตจริง เจ้าหน้าที่จะใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งวันก็สามารถปลดล็อคบัญชีให้ได้แล้ว ส่วนอีก 1,000 สาย ที่ให้ข้อมูลไม่ได้ คาดว่าใช้ช่วงที่มีกระแสเลยรีบโทรมาให้ปลดให้โดยไม่เช็ค แต่เราทำตามกฎหมาย
พร้อมย้ำว่า ผู้ที่โทรมาต้องเตรียมข้อมูลให้ชัดเจนคือ ชื่อ-นามสกุล เลขบัญชีธนาคาร และเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ซึ่งทางศูนย์ AOC มีทั้งหมด 100 คู่สายให้บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมเพิ่มอีก ยืนยันว่าเพียงพอแน่นอน
นายวิศิษฏ์ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการระงับบัญชีไม่ใช่เป็นการอายัดบัญชี และระงับเฉพาะเส้นเงินที่บัญชีม้าโอนมาเท่านั้น ซึ่งเงินก้อนนี้จะถูกระงับทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นม้าแถวไหน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือไม่นั้น ทาง ปปง. และ ตำรวจ จะเป็นผู้ดำเนินการ ยืนยันว่าระงับแค่ยอดธุรกรรมต้องสงสัย ส่วนที่ประชาชนนะบุว่าถูกระงับทั้งบัญชีนั้นต้องเช็คกับธนาคารและหากเช็คแล้วว่าเป็นไปตามกฏหมายก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเรื่องของ ธปท. และ สมาคมธนาคารไทย
อย่างไรก็ตาม การระงับบัญชีไม่ได้เลือกระงับกับพ่อค้าแม่ค้า หรือรายเล็กรายย่อยเท่านั้น สำหรับบริษัทร้านค้าขนาดใหญ่ก็โดนระงับเช่นเดียวกัน ไม่ได้เปฏิบัติลือกปฏิบัติแต่อย่างใด.-516-สำนักข่าวไทย