“หมอสัตว์ป่า” เตือนปฏิบัติงานสัตว์ผู้ล่า ต้องไม่ประมาท

กรุงเทพฯ 10 ก.ย . – สัตวแพทย์เตือน สิงโตคือสัตว์ผู้ล่า การเข้าพื้นที่ลำพัง เป็นการเปิดโอกาสให้มันทำร้ายโดยสัญชาตญาณ แม้จะคุ้นเคยมากแค่ไหน แต่ต้องไม่ประมาท

เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่สวนสัตว์ดัง จากกรณีเจ้าหน้าที่ชายวัยประมาณ 50 ปี ถูกสิงโต 5 ตัว รุมกัดจนเสียชีวิตในโซนสวนสัตว์เปิด นายสัตวแพทย์เผด็จ ศิริดำรง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์เนินพลับหวาน จังหวัดชลบุรี ซึ่งเคยฝึกงานที่สวนสัตว์ดังกล่าวและเคยเป็นสัตวแพทย์ประจำสวนเสือ ออกมาแสดงความเห็นชัดเจนว่า เหตุที่เกิดขึ้นอาจมาจากความประมาท

ทั้งนี้ สิงโตคือ สัตว์นักล่าโดยธรรมชาติ ต่อให้เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังมีสัญชาตญาณของสัตว์ป่าอยู่เต็มเปี่ยม การที่เจ้าหน้าที่เข้าไปคนเดียว เท่ากับเปิดช่องให้สิงโตมองว่า เป็นเหยื่อที่เหมาะจะล่า ไม่มีใครระวังหลัง ไม่มีใครส่งสัญญาณเตือน และไม่มีใครหยุดมันได้ทัน

น.สพ.เผด็จ อธิบายว่า ในระบบงานสวนสัตว์ที่มีมาตรฐาน จะห้ามเจ้าหน้าที่เข้าโซนสัตว์ผู้ล่าเพียงลำพัง โดยเฉพาะในโซนเสือและสิงโต ต้องมีอย่างน้อย 2 คน เพื่อคอยเฝ้าระวังซึ่งกันและกันและต้องมีอุปกรณ์ความปลอดภัยเช่น เครื่องมือเบี่ยงเบนความสนใจสัตว์ในกรณีฉุกเฉิน อาวุธสำหรับป้องกันตัว หรือปืนยิงยาสลบ ทั้งเพื่อตัวเจ้าหน้าที่เองและดูแลนักท่องเที่ยว ในกรณีนี้ จากคลิปที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียและข้อมูลตามข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิตมีหน้าที่ขับรถตรวจตราและดูแลพื้นที่ ไม่ใช่คนให้อาหารโดยตรง แต่กลับลงจากรถโดยลำพัง ซึ่งขัดต่อกฎการปฏิบัติงานภายในพื้นที่โซนสัตว์ดุร้าย

จากภาพที่ปรากฏ รถจอดอยู่ โดยประตูเปิดไว้ คาดว่า เมื่อสิงโตเห็นเจ้าหน้าที่หันหลังจึงตะปบ ทันทีที่เหยื่อล้ม สิงโตก็เข้าโจมตี และตัวอื่นๆ ก็รุมตามโดยสัญชาตญาณ ถึงจุดนั้น หากไม่มีบัดดี้คอยช่วยแจ้งเหตุให้ทีมช่วยเหลือเข้าไปโดยเร็ว ก็จะไม่ทันการณ์

“ผมเคยทำงานอยู่สวนเสือ เคยเห็นกับตาว่า ถ้าเสือตัวหนึ่งลงมือ ตัวอื่นจะตามทันที โดยเฉพาะถ้ามีกลิ่นเลือดหรือเห็นการล้มของเหยื่อ มันจะกระตุ้นฝูงให้ร่วมโจมตีทันที เป็นพฤติกรรมปกติของนักล่า

น.สพ.เผด็จ ยังกล่าวถึงการเลี้ยงเสือและสิงโตเพื่อโชว์ หรือถ่ายภาพกับนักท่องเที่ยวว่า ต้องอาศัยการประเมินรุ่น (generation) ของสัตว์เช่น
• รุ่นที่ 1–2 (ลูกสัตว์จากป่า) ยังมีความดุสูง
• รุ่นที่ 3–4 เริ่มคุ้นชินกับมนุษย์ แต่ยังไม่อาจไว้ใจได้
• รุ่นที่ 5 ขึ้นไปอาจเชื่องขึ้น แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังเสมอ เพราะสัตว์ป่ามีแรงมหาศาล และอารมณ์เปลี่ยนได้จากสิ่งเร้าเพียงเล็กน้อย

“ต่อให้เลี้ยงมา 10 ปี มันก็ยังมีโอกาสกัด เพราะสัตว์ยังไม่ผ่านวิวัฒนาการเลี้ยงแบบสุนัขที่มีมาหลายพันปี มันยังไม่ใช่สัตว์เลี้ยงแน่นอน” กรณีที่เกิดขึ้น จึงกลายเป็นบทเรียนสำคัญอีกครั้งของวงการสวนสัตว์ไทย. -512-สำนักข่าวไทย