ธ.ก.ส. ร่วมมือ วว. มุ่งเพิ่มศักยภาพเกษตรกรไทย

กรุงเทพ 21 ส.ค. – ธ.ก.ส. จับมือ วว.ประกาศความร่วมมือทางวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยีมุ่งเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรไทย  
 
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อร่วมกันบูรณาการและถ่ายทอดองค์ความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม ในการเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจในภาคการเกษตร โดยเฉพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ ให้สามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการผลิต การแปรรูป การเพิ่ม ผลผลิตการตลาด ป้องกันบรรเทาปัญหาของเกษตรกร และการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตทางการเกษตร ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากงานบริการด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รวมถึงการรับรองมาตรฐานการผลิต  เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้อย่างมั่งคงและยั่งยืน ซึ่ง ธ.ก.ส. จะสนับสนุนด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน บริการทางการเงิน พร้อมด้วยองค์ความรู้การประกอบธุรกิจแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ โดยมีนายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. และ ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ วว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นผู้ลงนาม
 
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐที่วิสัยทัศน์ในการเป็น “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” ให้ความสำคัญกับการยกระดับลูกค้าให้มีความแข็งแรง ตามแนวทางในการเป็นแกนกลางการเกษตร (Essence of Agriculture) ด้วยการสนับสนุนทั้งในด้านเงินทุน องค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม การตลาด และการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ขณะเดียวกันยังร่วมมือกับ วว.มาอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่


การถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรม การสนับสนุนเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer)เช่น การสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้กับผลผลิตทางการเกษตรด้วยการ Repackage และ Redesignพัฒนาและยกระดับสินค้าของลูกค้าเพื่อสร้างแบรนด์ชุมชนไปสู่การเป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง (Glam Agro) โดยความสำเร็จล่าสุดที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจากความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน คือ ผลิตภัณฑ์ข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” จากสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส ร้อยเอ็ด จำกัด (สกต.ร้อยเอ็ด) ซึ่งเกิดขึ้นจากการวิจัยและเทคโนโลยีการแปรรูปด้วยมาตรฐานความปลอดภัยผ่านกระบวนการนำผลผลิตข้าวสารหอมมะลิ GI ทุ่งกุลาร้องไห้ไปสู่การเป็นข้าวพร้อมทาน   โดยใช้เทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน (Retort Technology) จนนำมาสู่ข้าวพร้อมทานคุณภาพดี อร่อยได้มาตรฐาน สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 18 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มเปิดจำหน่ายข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ทั้งประเภทข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง และข้าวไรซ์เบอร์รี ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงปัจจุบัน มียอดส่งจำหน่ายได้แล้วมากกว่า 43,000 ถ้วย คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.29 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ เจลลี่มะม่วง จากสวนปทุมทิพย์ จังหวัดลำพูน โดย ธ.ก.ส. ได้ร่วมกับ วว. ในการพัฒนาฉลาก (สติกเกอร์) สำหรับติดบนบรรจุภัณฑ์เยลลี่มะม่วง ให้มีรูปแบบที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ น่าสนใจ ทันสมัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และผู้บริโภคจดจำได้ง่าย รวมถึงพัฒนาบรรจุภัณฑ์ขนส่งมะม่วงสำหรับการส่งออก ที่แข็งแรง มีประสิทธิภาพในการกันกระแทก เพื่อรักษาคุณภาพและป้องกันไม่ให้มะม่วงได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่ง รวมถึงยังมีลวดลายบนกล่องที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน
 
ด้าน ผศ.ดร.วีรชัย กล่าวว่า วัตถุประสงค์สำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ มิได้จำกัดอยู่เพียงการเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการผลิตและการแปรรูปสินค้าเกษตรเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการยกระดับมาตรฐานสินค้า การพัฒนาช่องทางการตลาด การสร้างมูลค่าเพิ่ม และการต่อยอดงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนและบริการทางการเงินที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของเกษตรกรและผู้ประกอบการในทุกระดับ นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวยังมุ่งหวังที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ได้มีโอกาสพัฒนานวัตกรรมที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ควบคู่กับองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เพื่อให้สามารถสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและสังคม และยังสามารถต่อยอดสู่การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา อันจะเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชุมชนท้องถิ่น และเสริมสร้างรากฐานของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับประเทศ วว. และ ธ.ก.ส. จะได้ร่วมกันผลักดันการวิจัยและพัฒนา ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาท้องถิ่น ขยายผลนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อยกระดับสินค้าเกษตรไทยสู่มาตรฐานสากล และสร้างความเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย 
 
ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่าง ธ.ก.ส. และ วว. ในครั้งนี้ ยังรวมถึงการสนับสนุนทางด้านการศึกษา ฝึกอบรม จัดประชุมวิชาการ สร้างเครือข่ายกับหน่วยงานต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ และส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน เป็นต้น ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี โดยมีผู้บริหารจากทั้ง 2 หน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี ณ ห้องประชุมจำเนียรสาร ชั้น 24 เกษตรธนากร อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งเมียนมา เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย ย้ำ กทม.ไม่กระทบโครงสร้าง

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – กรมทรัพยากรธรณี เผยเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 5.4 ความลึก 10 กม. เกิดจากการเคลื่อนตัวแนวระนาบของรอยเลื่อนสะกาย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของเมียนมา ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 500 กม. ด้านสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เตือนอย่าตื่นตระหนก คนกรุงบนตึกสูงรู้สึกสั่น แต่ไม่กระทบโครงสร้าง กรมทรัพยากรธรณีชี้แจงกรณีแผ่นดินไหวขนาด 5.4 ความลึก 10 กิโลเมตร เมื่อเวลา 09.58 น. ตามเวลาประเทศไทย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 500 กิโลเมตร การตรวจสอบพบว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจากการเคลื่อนตัวของ “รอยเลื่อนสะกาย” แนวระนาบเหลื่อมขวา (right-lateral strike-slip fault) ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนที่เฉลี่ยปีละ 2 เซนติเมตร รอยเลื่อนนี้เคยสร้างแผ่นดินไหวใหญ่หลายครั้ง อาทิ ปี 2473 ขนาด 7.3 มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน และเมื่อ 28 […]

นายกฯ พยักหน้ารับกำลังใจดี ศาล รธน.นัดชี้ชะตา 29 ส.ค.

ศาลรัฐธรรมนูญ 21 ส.ค.- นายกฯ พยักหน้ารับกำลังใจดี หลังไต่สวนคดีคลิปเสียงเสร็จ ประชาชนตะโกน “นายกฯ สู้ๆ” ด้านศาล รธน. นัดอ่านคำวินิจฉัยคดี 29 ส.ค. ย้ำ ห้ามเผยแพร่ข้อมูลและห้ามบิดเบือน ภายหลังการไต่สวนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที คดีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ศาลได้บันทึกเสียงและภาพการไต่สวนแล้ว และย้ำอีกครั้งว่า ห้ามผู้เข้าฟังการไต่สวน นำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามมิให้บิดเบือนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน ศาลได้สั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค. จากเดิมให้ยื่น 27 ส.ค. ซึ่งหากไม่ยื่นจะถือว่าไม่ติดใจ และนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติ วันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.30 น. นัดอ่านคำวินิจฉัยในวันเดียวกัน เวลา 15.00 […]

แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งคุมเข้ม หลังเหตุคาร์บอมบ์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

นราธิวาส 21 ส.ค. – ความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์ ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อคืนที่ผ่านมา อส.บาดเจ็บ 6 นาย แม่ทัพภาคที่ 4 รุดตรวจที่เกิดเหตุ สั่งปิดช่องทางหลบหนี คุมเข้มแนวชายแดน ภาพจากกล้องวงจรปิด เหตุคาร์บอมบ์เมื่อคืนนี้ ช่วงเวลา 20.20 น. บริเวณหน้า จุดตรวจ/จุดสกัด ฐาน ชคต.ศาลาใหม่ ม.1 บ้านโคกมะเฟือง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปทางซอยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเล จังหวัดนราธิวาส โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุใช้รถยนต์ Toyota Yaris สีดำ บรรทุกวัตถุระเบิด ขับเข้าพุ่งชนแนวกระสอบทรายบริเวณดังกล่าว ก่อนคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไปทางซอยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเล จังหวัดนราธิวาส แรงระเบิดส่งผลให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ในฐานได้ยิงตอบโต้เพื่อสกัดกั้นเส้นทางของคนร้าย หลังเกิดเหตุ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 สั่งการเร่งด่วนให้หน่วยกำลังในพื้นที่ปฏิบัติตามแผนสกัดกั้น ประสานทุกภาคส่วนร่วมปิดล้อมตรวจสอบเส้นทาง […]

รองแม่ทัพภาค 2 โพสต์เล่าที่มาปัญหา “ช่องอานม้า”

21 ส.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 โพสต์เล่าที่มาปัญหา ‘ช่องอานม้า’ เป็นบทเรียนของไทย ชี้ความเพิกเฉยต่อประเด็นความมั่นคง ส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ระยะยาว พลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์เล่าเกี่ยวกับพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน ว่าความจริงมีหนึ่งเดียว โดยช่องอานม้าเป็นช่องเขาลักษณะคล้ายอานม้า เป็นช่องทางธรรมชาติใช้ชักลากไม้นำเข้าจากกัมพูชา ห้วงสงครามกลางเมืองชาวกัมพูชาได้หนีภัยสู้รบเข้ามา ไทยได้เอื้อเฟื้อ ตั้งศูนย์อพยพตามหลักมนุษยธรรม โดยมีหน่วยงานสหประชาชาติอำนวยการ หลังการสู้รบ ได้ส่งคืนผู้อพยพกลับประเทศ แต่มีส่วนหนึ่งยังคงปักหลักตั้งถิ่นฐานไม่ยอมกลับ ด้วยหลักมนุษยธรรมที่สากลนำมากล่าวอ้างและความไม่เด็ดขาดของเรา ทำให้ไม่สามารถผลักดันกลุ่มคนเหล่านี้ออกจากพื้นที่ได้หมดและยืดเยื้อจนเป็นปัญหาถึงปัจจุบัน ปี 2542 ไทยและกัมพูชา เห็นชอบเปิดช่องอานม้าเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้า กำหนดให้ตลาดฝั่งกัมพูชาอยู่ชุมชนเดิม แต่กัมพูชาจับจองพื้นที่ขยายชุมชนจาก 30 หลังเป็นกว่า 100 หลัง ขณะที่ตลาดฝั่งไทยกลับลึกเข้ามาจากแนวเขตแดน 300 เมตร ปี 2554 ในขณะมีข้อขัดแย้งพื้นที่เขาพระวิหาร กัมพูชาใช้ห้วงเวลาที่เราตรึงการรบแอบสร้างอนุสาวรีย์ตาอม และปรับปรุงมาเรื่อยๆ จากแบบชั่วคราว จนเป็นแบบถาวรและขยายบ้านเรือน ฝ่ายทหารได้พยายามแก้ไขด้วยการเจรจาและประท้วง ผ่านกลไกทางทหารและกระทรวงการต่างประเทศ รวม 65 ครั้ง แต่ฝ่ายกัมพูชาเพิกเฉย ซึ่งสร้างความอึดอัดแก่ทหารในพื้นที่เป็นอย่างมาก […]