“ทนายเกิดผล” ยันพฤติกรรม “หมอบี” ผิดปกติ จ่อรวบรวมหลักฐานเอาผิด

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – “ทนายเกิดผล” ระบุพฤติกรรม “หมอบี” ผิดปกติ น่าสงสัย ทางวัดมีมติให้ดำเนินคดี แต่ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานก่อน


ความคืบหน้ากรณี “หมอบี” เปิดบัญชีรับบริจาคเงินให้วัดพระบาทน้ำพุ หลังจากที่ทางเจ้าอาวาสและหมอบีโต้ข้อเท็จจริงกันไปมา ล่าสุดทนายเกิดผลมองพฤติกรรมหมอบีผิดปกติ และโยนความผิดให้หลวงพ่อ ส่วนตำรวจกองปราบฯ มองการเบิกเงินสดของหมอบี บ่งชี้พฤติกรรมน่าสงสัย

นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความวัดพระบาทน้ำพุ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีหมอบีเปิดบัญชีรับบริจาคให้วัด ว่า วันนี้จะนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหมอบี เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม หลังจากที่มีคนมาร้องเรียนกับหลวงพ่อ หลวงพ่อจึงเรียกหมอบีให้นำเอกสารมาชี้แจง ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารรายละเอียดการดำเนินการแต่ละโครงการ โดยหมอบีนำมาให้หลวงพ่อเซ็นรับทราบว่าหลวงพ่อดูแล้ว ซึ่งจากการดูร่วมกันหลายฝ่าย เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ไม่ได้ลงวันที่ ทำขึ้นมาว่ามีกิจกรรมอะไรที่ทำไปแล้วบ้าง ส่วนการแจ้งความตอนนี้ วัดมีมติว่าให้ดำเนินคดีกับหมอบีอย่างแน่นอน แต่ว่าขณะนี้หลักฐานยังไม่เพียงพอจะต้องมีการรวบรวมก่อน


จากที่หมอบีบอกว่าเงินบางส่วนนำไปใช้จ่ายโครงการอื่นนั้น ก็เป็นเรื่องที่หมอบีนำมาอ้าง เนื่องจากเบิกเงินมาส่งให้หลวงพ่อไม่ครบ ส่วนเรื่องที่หมอบีระบุว่ามีการนำเงินไปให้หลวงพ่อโดยตรงนั้น ก็ข้อมูลตรงกัน แต่เงินสดที่ได้มา ก็มีเจ้าหน้าที่ของวัดที่คอยทำบัญชีรายรับรายจ่ายอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โดยตอนนี้ตัวเลขที่ไม่ตรงกันมีอยู่ 5.4 ล้านบาท

ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้หมอบีมีความผิดปกติ เนื่องจากให้ข้อมูลไม่ตรงกับข้อมูลที่ตนรับทราบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็แจ้งหลวงพ่อแล้วว่ามีมูลความผิด และยังมองว่าหมอบีโยนความผิดให้หลวงพ่อกับเลขาเขา แต่เขาจะพูดอย่างไรก็ได้เพราะหลักฐานเป็นอีกแบบ ซึ่งทางวัดตอนนี้มีหลักฐานเรียบร้อยแล้วแต่สิ่งที่ตนยังกังวลใจอยู่ คือหลวงพ่อรู้ไม่เท่าทัน ที่ผ่านมาหลวงพ่อเชื่อหมอบีเกือบทั้งหมด กระทั่งเห็นหลักฐานจึงเกิดคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนจะมองว่าวัดเป็นเหยื่อหรือไม่นั้น ก็ตอบไม่ได้เพราะทางวัด คณะกรรมการคนอื่นๆ ไม่รู้เรื่อง มันเป็นเรื่องระหว่างหลวงพ่อกับหมอบี 2 คนที่รู้

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวว่า การประชุมช่วงบ่ายเป็นการแบ่งงานให้ตำรวจกองปราบที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ ทั้งสืบสวนและสอบสวน ซึ่งผลของการให้ข้อมูลของหมอบีเมื่อคืนนี้ หลักๆมาเพื่อแสดงเจตจำนงว่าไม่ได้หลบหนี และนำเอกสารมาให้ดูตั้งแต่ปี 62 ว่าเอาเงินไปทำอะไรบ้าง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเนื่องจากเอกสารมีจำนวนมาก โดยทางตำรวจก็จะมีการขอเอกสารจากทางวัดมาตรวจสอบด้วยเช่นกัน ว่าทางวัดเองมีการรู้เห็นเกี่ยวข้องกับโครงการต่างๆ อย่างไรบ้าง ส่วนจะเชิญเจ้าอาวาสมาให้ข้อมูลหรือไม่นั้นต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อน หากมีความชัดเจนก็จะมีการเรียกเจ้าอาวาสมาให้ข้อมูล


อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.เอนก ยอมรับว่า การเบิกเงินสด จะทำให้เส้นทางการเงิน หรือเห็นการเคลื่อนตัวของเงินขาดช่วง แต่อย่างไรก็ตามการเบิกถอนเป็นเงินสด ก็บ่งชี้พฤติกรรมบางอย่างที่น่าสงสัยเช่นเดียวกัน หากมองเป็นเรื่องเป็นพื้นๆ การรับบริจาคเงินผ่านบัญชีเรา หากเราบริสุทธิ์ใจและไม่หวังที่จะเอาใช้เพื่อประโยชตัวเอง ก็โอนไปเลย ไม่เห็นจะต้องไปเบิกเงินสดให้มานับกันวุ่นวาย

ส่วนเรื่องบ้านราคาหลักสิบล้านนั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ ที่เป็นผลต่อรูปคดี ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งเราก็จะต้องตรวจสอบทรัพย์สินทุกอย่างของหมอบีว่ามีอะไรบ้าง และได้มาอย่างไร ซึ่งในวันนี้การสืบสวนเพิ่งเริ่ม ตอนนี้ทางวัดยังไม่ได้แจ้งความแต่ก็มีการคุยกันแล้ว อย่างไรก็ตาม หากพบความผิดอาญาแผ่นดิน ตำรวจกองปราบก็สามารถดำเนินการได้เลย

หากตรวจสอบข้อมูลแล้ว แล้วมีข้อสงสัยจะเรียกหมอบีมาให้ปากคำเพิ่มเติม แต่เมื่อคืนจากการสังเกตเจ้าตัวมีสีหน้ากังวล ส่วนเรื่องพยานเมื่อเช้าที่เรียกมาสอบปากคำ ก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เป็นเบาะแสที่เราสามารถสืบสวนสอบสวนไปในทิศทางที่ดีได้ แต่คนนี้ยังไม่ใช่คนเบิกเงิน. -414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย