ทำเนียบ 4 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” ยืนยันดูแลทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวอย่างดี พร้อมเปิดให้องค์การระหว่างประเทศร่วมตรวจสอบ ขอให้ประชาชนมั่นใจการประชุม GBC เชื่อจะทำอย่างรอบคอบ ยึดผลประโยชน์ประเทศ พร้อมแจ้ง รมต.กลาโหมกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหารกัมพูชา หวั่นทิ้งไว้นานอาจเกิดโรคระบาด
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ว่า ในการประชุม GBC ที่เริ่มขึ้นในวันนี้ เราได้มีการเตรียมแนวทางที่จะไปประชุมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ได้เสนอให้ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณา เพื่อให้เห็นชอบ จากนั้น ก็ได้มาเตรียมการในเช้าวันเสาร์ ประกอบกับในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางมาเลเซียได้ติดต่อขอประชุม 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบไปด้วย รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย ไทย และกัมพูชา แต่ในการประชุม 3 ฝ่าย ไม่ได้มีการลงประเด็น โดยไทยตอบเพียงในเรื่องหลักการ และในวันอาทิตย์ก็ได้คุยกับเหล่าทัพว่า ยืนยันและรับได้หรือไม่ รับได้ไหม พอใจไหม สบายใจไหม เหล่าทัพก็สบายใจ และกองเลขาฯ ก็ไปประชุม GBC ซึ่งจะใช้เวลาประชุมในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม และในวันที่ 6 สิงหาคม ตนได้สั่งกองเลขาฯ ว่า ให้ประชุมครึ่งวัน และนำประเด็นกลับมา เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง และในวันที่ 7 สิงหาคม ตนจึงจะไปสรุป ลงนาม เพื่อความรอบคอบ
พล.อ.ณัฐพล ยังเผยว่า ในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหม 3 ฝ่าย ได้ชี้แจงเรื่องเชลยศึกว่า เราได้ควบคุมอย่างดีตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 1 และให้ ICRC องค์กรระหว่างประเทศเข้าไปดูและมีความพอใจว่า เราดูแลตามอนุสัญญาเรียบร้อย หลักการของเรา คือ จะปฏิบัติตัวให้ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อจบเหตุการณ์แล้ว จะได้โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ว่าใครจะมาตรวจสอบก็มีแต่ความถูกต้อง ที่ตนเป็นห่วง ก็คือ พี่น้องประชาชนบางส่วนอาจไม่สบายใจว่า เป็นสุภาพบุรุษเกินไป แต่จะทำให้เราอยู่ได้ ไม่ถูกตำหนิจากนานาประเทศ
และอีกเรื่องที่หารือในวันนั้น คือ จากปฏิบัติการที่ผ่านมา มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตบริเวณหน้าแนวฝ่ายเราจำนวนมากในพื้นที่กัมพูชา ส่วนในพื้นที่ของไทยเรา เราได้ดำเนินการรวบรวมและส่งกลับอย่างสมเกียรติ คือ เราปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศทุกอย่าง
“แต่ก็เสียใจอยู่นิดหนึ่งแทนทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตที่ทางรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธว่า ไม่ใช่ จะใช่หรือไม่ใช่ แต่นั่นคือคนกัมพูชาที่มาเสียชีวิตในฝั่งเรา เราก็ส่งคืนอย่างสมเกียรติตามหลักของสัญญาเจนีวา แต่ที่ห่วงใยและผมได้พูดกับรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจำนวนมากที่อยู่หน้าแนว ยังไม่ได้รับการเก็บกลับไป เราได้แจ้งไปยังรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาว่า อยากให้มาทำการเก็บศพ ถูกต้องตามสุขลักษณะ สมเกียรติ ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นทหาร ผมเป็นทหาร กองทัพไทย ถึงแม้จะเป็นคู่กรณีกันก็ตาม แต่เมื่อเสียชีวิตแล้วต้องให้เกียรติ ต้องดำเนินการอย่างสมศักดิ์ศรี เมื่อเราเห็นสภาพของทหารกัมพูชาที่อยู่ข้างหน้าเรา เห็นทุกวัน พอตรวจการไปก็เจอ เลยได้ย้ำกับรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา อยากให้เร่งมาเก็บ ถ้าทิ้งไว้นานก็อาจจะเกิดโรคระบาดได้ ประชาชนของกัมพูชาที่อยู่บริเวณนั้นก็อาจได้รับเชื้อ และศักดิ์ศรีความเป็นทหาร ทหารด้วยกันเราเคารพกัน เคารพศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน ยามที่เขาเสียชีวิต เราจะไม่ทำอะไรที่หมิ่นศักดิ์ศรีเขา และอะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้รับการดูแลอย่างสมเกียรติ เราจะทำ” พลเอก ณัฐพล กล่าวและว่า ขอให้สื่อมวลชนช่วยสื่อไปยังรัฐบาลกัมพูชา อยากให้ดูแลทหารกัมพูชาที่เสียชีวิต ซึ่งมีจำนวนมาก
เมื่อถามถึงการที่ส่งศพทหารกัมพูชาไปแล้ว เขาไม่รับ จะทำอย่างไรต่อ พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ตอนนี้รับแล้ว แต่ปฏิเสธว่า ไม่ใช่ ซึ่งก็น่าเสียใจว่า กำลังพลหรือทหารที่เสียชีวิต ถ้าวิญญาณเขารับรู้ได้ เขาคงเสียใจ
สำหรับกรอบการเจรจา GBC วางเป้าหมายไว้จะออกมาทิศทางอย่างไร พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ทิศทางบรรยากาศดีขึ้น ประเทศไทยไม่เสียประโยชน์ และขอให้สื่อและประชาชนมั่นใจได้ว่า เราจะทำอย่างเต็มขีดความสามารถ คณะที่ไป ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย เหล่าทัพทั้งหมด ตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้แทน ผบ.ทบ. ผู้แทน ผบ.ทร. และผู้แทน ผบ.ทอ. ไปร่วมประชุมด้วย การประชุมจะผ่านการพิจารณาอย่างรอบด้านจากทุกฝ่าย เพราะฉะนั้น ทุกฝ่ายไม่ต้องกังวล ฝ่ายความมั่นคงก็ไม่ต้องกังวล เพราะมีตัวแทนจากเหล่าทัพไป 4-5 คน และมีตนเป็นประธานไป ฝ่ายการต่างประเทศก็ไม่ต้องกังวล เพร่ะมีกระทรวงการต่างประเทศไปด้วย กระทรวงมหาดไทยที่ดูแลพี่น้องประชาชนก็ไม่ต้องกังวล มีกระทรวงมหาดไทยไปด้วย คือ เราจะพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนไปก็ให้สภาความมัานคงแห่งชาติเห็นชอบ แม้ประชุมแล้ว ก่อนเข้า GBC รอบสุดท้าย ก็กลับมาให้สภาความมั่นคงแห่งชาติเห็นชอบ เราไม่ได้ทำโดยพลการ เพราะฉะนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในคณะของตน ถึงแม้จะไม่ค่อยเชื่อมั่นในตนก็ตาม แต่ขอให้เชื่อมั่นในคณะที่ไปว่า เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีความรับผิดชอบ และที่ตนยืนยันได้ ก็คือ มีความรักชาติ เห็นแก่ผลประโยชน์ของชาติ
ส่วนเรื่องโดรนที่ประชาชนกังวลในหลายพื้นที่ว่า เป็นของฝั่งไหน พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ตอนนี้ปนกันอยู่ แต่ที่จำนวนมากเป็นของกัมพูชาบินล้ำเข้ามา ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานและทำบันทึก และตนจะเสนอเข้าที่ประชุม ศบ.ทก. เรามีภาพ พิกัดว่า ที่เขาล้ำเข้ามา ขณะเดียวกันก็มีคนไทยบางส่วนที่ไม่รู้วัตถุประสงค์ของเขา แต่ปัจจุบัน กสทช.ได้ห้ามบินโดรนทั่วประเทศ และการที่ พลโทหญิง มาลี โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา พูดว่า เห็นโดรนบินล้ำเข้าไปในประเทศกัมพูชา ส่วนตัวมั่นใจว่า เขาเห็นโดรนของกัมพูชาที่บินกลับจากล้ำประเทศไทย โดรนเขาเองที่บินกลับไป ซึ่งแสดงถึงวุฒิภาวะของเขา พูดเองก็เสียเอง จริง ๆ คนไทยก็เห็นหมด
เมื่อถามต่อว่า ได้มีการตรวจสอบฐานบินของโดรน ถ้ามีการบินมาจากฝั่งกัมพูชา มีการสกัดจากชายแดนหรือไม่ หรือมีฐานอยู่ในประเทศไทย พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ขอไม่พูดในรายละเอียด เรื่องนี้มอบหมายให้กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ
เมื่อถามถึงสถานการณ์ชายแดนในขณะนี้ ยังเปราะบางอยู่หรือไม่ ประชาชนยังต้องอยู่ในศูนย์อพยพหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าถามว่า เปราะบางไหม คือเปราะบางจากข่าวปลอม พร้อมยกตัวอย่าง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่มีข่าวปลอมว่า ที่จังหวัดศรีสะเกษ ทหารไทยจะปฏิบัติการให้ประชาชนเข้าที่ปลอดภัย ซึ่งก็ไม่เป็นความจริง พอตรวจสอบกับกองทัพก็แจ้งว่า ไม่ได้ทำอะไร ซึ่งเราเคารพผลการเจรจาหยุดยิง และเข้าใจว่า ฝ่ายกัมพูชาก็อาจจะได้ข่าวปลอมนี้เหมือนกัน พอวันอาทิตย์ เขาจึงเอาข่าวปลอมนี้มาตั้งเป็นเรื่องว่า ฝ่ายไทยได้มีการเตรียมการ เขาก็เลยเตรียมการ สักวันหนึ่งก็อาจจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน ทั้งที่เป็นเรื่องไม่น่าจะเกิดขึ้น ดังนั้น ตอนนี้ก็ถือว่า ยังเปราะบางจากข่าวปลอม
“ผมอยากจะฝากถึงสื่อมวลชนทุกท่าน ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่า ในยามนี้พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง แค่ข่าวปลอมของกัมพูชา เราก็ต้องมานั่งแก้ปัญหา และมาเจอข่าวปลอมของเราอีก ทำให้ฝ่สยความมัานคงหนักใจมาก อยากให้สื่อมวลชนได้ช่วยกันและทำความเข้าใจพี่น้องประชาชน เข้าใจว่า พี่น้องประชาชนห่วง อยากจะช่วย ถ้าในสถานการณ์อย่างนี้อยากจะช่วย คือ ให้ฟังศบ.ทก.เป็นหลักว่า อาจจะช้า แต่เราต้องตรวจสอบให้ถูกต้อง ต้องไม่เสียเครดิตในนานาประเทศ ไม่เสียเครดิตกันเอง ศบ.ทก.พูดอะไรต้องใช่ ถ้าเมื่อไรก็ตามเรารีบตอบว่า ไม่ใช่ ก็จะทยอยขาดความน่าเชื่อถือ ดังนั้น สื่อต้องเห็นใจ การตอบต้องตรวจสอบก่อน แต่ในส่วนของสื่อสามารถช่วยได้คือ ตอบไปก่อน มาลีพูดมา สื่อโต้ไปก่อน แล้วรอศบ.ทก.ตรวจสอบและชี้แจง ไม่ใช่ว่า พอมาลีพูดมา สื่อหันมาด่ากองทัพว่า ทำไมไม่ตอบโต้ ซึ่งจะทำให้กองทัพขาดความน่าเชื่อถือ แล้วไปต่อปากต่อคำกับคนอย่างนั้น” พลเอก ณัฐพล กล่าว
ส่วนการประเมินสถานการณ์หลังประชุม GBC แล้ว น่ากังวลหรือไม่ พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าเขาเคารพผลการประชุม GBC ก็ไม่น่ากังวล แต่ยอมรับว่า จากประสบการณ์การรับราชการมาตลอดชีวิต ตนเพิ่งเจอคู่กรณีที่รับมือยากมาก เขาพูดอย่าง ทำอย่าง มันไม่ใช่วิสัยตน ตนยอมรับคำตำหนิ ตนคิดไม่ทันเขาจริง ๆ เขาพูดแบบนี้ เขาจะทำอะไร ตนไม่ค่อยถนัด ขอความเห็นใจ ซึ่งต้องมองตามหลักการว่า ประเด็นที่คุยกันไว้ ถ้าตกลงแล้วก็น่าจะดีขึ้น มันไม่ได้ตกลงแล้วจะจบทุกเรื่อง จะค่อย ๆ ลงไปทีละขั้น ๆ ไม่ใช่ไปประชุม GBC คราวนี้ แล้วจบทุกเรื่อง แต่จะเป็นตัวชี้วัดว่า ถ้าทำสเต็ปนี้ เขาให้ความร่วมมือ ก็จะไปสเต็ปต่อไป ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป เราก็กังวลเหมือนกัน เราต้องประเมินท่าทีเขาว่า เขามีความจริงใจสู่สันติหรือไม่ เราต้องค่อย ๆ ทำ GBC เอาแค่ไหน ซึ่งตนมองว่า ส่วนใหญ่จะมอบให้ RBC พูดต่อ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกองทัพและดำเนินการ แต่ไม่ใช่การโยนภาระให้กองทัพ ขอให้สื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนสบายใจได้
เมื่อถามถึงประเด็น 18 เชลยศึก พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า เราดูแลอย่างดี เราต้องสอบสวน จริงๆ แล้ว ถ้ามีความไว้ใจกัน 100% เราอาจจะส่งได้เร็วกว่านี้ ความไม่ไว้ใจ บิดเบือนทุกวัน เราก็ต้องสอบสวน บันทึกข้อมูลหลักฐานให้ครบถ้วน รอบด้าน ถ้าส่งกลับไปแล้วเขาจะบิดเบือนอย่างไร เราจะตอบอย่างไร ตอนที่เขาอยู่กับเราเราต้องบันทึกคำให้การณ์ไว้ทั้งหมด จะได้ตอบได้ในภายหลัง เราจะไม่ทำให้เขาได้รับผลกระทบทางด้านร่างกาย จิตใจ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นอันขาด พร้อมย้ำ ต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ในฐานะเป็นคู่เจรจา จะมัวไปต่อปากต่อคำ บรรยากาศการเจรจาจะเป็นอย่างไร ดังนั้น ต้องเห็นใจตนด้วย.-314.-สำนักข่าวไทย