กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – ตลท.เปิดตัวโครงการ “JUMP+” ชูการส่งเสริม บจ. พัฒนาระยะยาว 3 ปี เปิดช่องทางติดตามความคืบหน้าแผนงาน บจ. ต่อเนื่อง โปร่งใส สร้างโอกาสทางธุรกิจ หนุนตลาดทุนไทย ตั้งเป้า 100 บจ.ภายในปีนี้
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดงานสัมมนา “Value Creation ยกระดับบริษัทจดทะเบียนไทย สร้างตลาดทุนที่ยั่งยืน” ร่วมยกระดับบริษัทจดทะเบียนไทย เสริมแกร่ง สร้างโอกาสการเติบโต ผ่าน 2 โครงการ ได้แก่ “Corporate Value Up” โดย ก.ล.ต. และ “JUMP+” โดย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เริ่มคิกออฟในวันนี้
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ได้ผลักดันโครงการ “Corporate Value Up” ให้เป็นกลไกหลักในการยกระดับธรรมาภิบาลของภาคธุรกิจไทย ภายใต้กรอบแนวคิดหลักใน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) ธรรมาภิบาลระดับดีเลิศ (2) แผน Value Up ที่ชัดเจนทั้งด้านแผนกลยุทธ์มุ่งเน้นเพิ่มมูลค่ากิจการและแผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ระยะเวลาภายใน 2 ปี และ (3) การสื่อสารกับนักลงทุนอย่างโปร่งใส หากบริษัทจดทะเบียนมีองค์ประกอบครบถ้วนจะมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์เป็นหลักทรัพย์ที่ Thai ESG หรือ Thai ESGX สามารถลงทุนได้ ซึ่งปัจจุบันมี 2 บริษัทที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติดังกล่าวแล้ว

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ริเริ่มโครงการ “JUMP+” สนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนพัฒนาการดำเนินงานและการขับเคลื่อนความยั่งยืน เพื่อประโยชน์แก่บริษัทจดทะเบียน ผู้ถือหุ้น และตลาดทุนโดยรวม โดยบริษัทที่ร่วมโครงการจะมีการจัดทำแผนการเติบโต 3 ปี (2569-2571) เปิดเผยเป้าหมายและแผนงานให้ไปสู่เป้า สื่อสารกับผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการ ผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งบริษัทต้องทำแผน JUMP+ ประกอบด้วยแผนด้านธุรกิจ แผนด้านธรรมาภิบาล และแผนจัดการก๊าซเรือนกระจก โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตรสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนของ บจ. ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท และหากทำได้ตามแผนธุกิจได้ตามเป้าหมายก็จะได้รางวัลเพิ่มเติม (โบนัส) อีก 5 แสนบาท เริ่มให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) สมัครเข้าร่วมโครงการได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คาดว่าจะเริ่มเห็นแผนงาน Jump+ ของบริษัทจดทะเบียน ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 เป็นต้นไป และจะสามารถติดตามการดำเนินงานตามแผนงานของบริษัท ได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2569
คาดในปีแรกจะมี บจ.เข้าร่วม 100 บริษัท ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสของ บจ.ขนาดกลางและเล็กที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน เข้ามาเสนอแผนธุรกิจและมีโอกาสไปโรดโชว์แก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรม Opportunity Day การจัดทำบทวิเคราะห์ และโปรโมทผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตร การที่บริษัทจดทะเบียนดำเนินการตามแผนดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่ง กระตุ้นการเติบโต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มความน่าสนใจให้ตลาดทุนไทยด้วย ทั้งนี้ บริษัทที่ร่วม JUMP+ จะได้เข้าสู่โครงการ “Corporate Value Up” หากมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของ สำนักงาน ก.ล.ต.
สำหรับการเปิดตัวโครงการ JUMP+ ในวันนี้ มีนักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนสถาบันทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจต่อโครงการจำนวนมาก แต่การตัดสินใจลงทุนยังรอดูแผนธุรกิจก่อนว่าแผนของบจ.แต่ละแห่งน่าสนใจแค่ไหน


นายอัสสเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า บจ.ที่เข้าร่วมในโครงการไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่ยอมรับว่าอยู่ระหว่างการยื่นขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกระทรวงการคลังอยู่ และในอนาคตหากเกิดมาตรการ Thai Individual Saving Account (TISA) ที่จะส่งเสริมการลงทุนระยะยาว และสร้างวินัยในการออมหุ้น อาจพิจารณาว่าจะสามารถเชื่อมโยงสิทธิประโยชน์ทางภาษีกับ JUMP+ ได้อย่างไรบ้างอีกครั้ง
สำหรับบริษัทจดทะเบียนและผู้ลงทุนที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดทั้งสองโครงการ ได้ที่
Corporate Value Up https://www.set.or.th/th/market/information/securities-list/thaiesg
JUMP+ https://www.set.or.th/th/market/information/jump-plus/overview .-516-สำนักข่าวไทย