กรุงเทพ 20 มิ.ย. – “พิชัย” ยันเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ คืบหน้า แม้การเมืองร้อนแรง เร่งเครื่อง Jump+ ดันหุ้นไทยฟื้น
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการเข้าร่วมประชุมหารือกับบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้ข้อมูลโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าของบริษัทจดทะเบียน (โครงการ Jump+) และการส่งเสริมเศรษฐกิจ ชุมชน และตลาดทุน ถึงประเด็นด้านการเมืองไทย ว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและหน่วยงานพันธมิตรจะสนับสนุนเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลการให้คำปรึกษาและเพิ่มการรับรู้เพื่อเพิ่มความน่าสนใจซึ่งในแง่ของตลาดหลักทรัพย์ณจะต้องทำอะไรบางอย่าง จึงเป็นที่มาของคำว่า JUMP+
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การเมืองมีความร้อนแรง หลายคนมองว่าจะทำให้กระทบการเจรจาการค้าและภาษีไทย-สหรัฐซึ่งล่าสุดได้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการไปแล้ว โดยยังคงยึดในกรอบข้อเสนอ 5 ข้อเดิมที่เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ แต่การเจรจาไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะได้มีการเซ็น Non-Disclosure Agreement (NDA) กับสหรัฐฯ แล้ว จึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลทั้งรายละเอียดเงื่อนไข-วันเจรจา และมองว่าทุกประเทศไม่มีทางเจรจาจบลงง่ายๆ อาจจะต้องขยายระยะเวลาเพิ่ม
สำหรับโครงการ Jump+ โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการเข้าใจสถานการณ์ตลาด วางแผนรับมือปัญหา และสื่อสารเป้าหมายกับนักลงทุนอย่างโปร่งใส เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการลงทุนในประเทศไทยอย่างยั่งยืน แม้ดัชนีตลาดหุ้นจะอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีต แต่ตลาดทุนยังคงเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจ หากผู้ลงทุนมองระยะยาวและเข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจ ก็ยังมีโอกาสเติบโต โครงการนี้ยังสอดรับกับนโยบายแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ระบบสาธารณูปโภค การท่องเที่ยว พลังงาน และกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน โดยเฉพาะเรื่องสิทธิ์ถือครองที่ดินของต่างชาติ
การทำ JUMP+ คือการพัฒนาบริษัทขนาดเล็ก ขนาดกลาง ที่อาจจะยังไม่มีบุคลากรไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะจ้างที่ปรึกษา ให้มีการพัฒนาที่ดีมากขึ้น ซึ่งได้มีการชี้แจงว่าจะต้องทำอะไรบ้างใน 1 ปี เพื่อที่จะทบทวนเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันให้ธุรกิจเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เหมือนกับที่บริษัทขนาดใหญ่ นอกจากนี้เมื่อทำแล้ว จะต้องนำสิ่งที่คาดหวังหรือสิ่งที่ได้วางแผนมาเปิดให้นักลงทุนได้ทราบด้วย
นายพิชัย กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันดัชนีหุ้นไทยมาถึงจุดที่ค่อนข้างต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ ซึ่งหากเข้าใจว่าหุ้นตัวไหนบริหารได้ดี ในระยะปานกลาง-ยาว สามารถที่จะฟื้นได้ นักลงทุนจึงต้องคิดใหม่ ไม่ใช่ซื้อเช้าขายบ่าย แต่ต้องซื้อแล้วเก็บยาวหากมีความมั่นใจ
นอกจากนี้ความเชื่อมั่นมีหลายอย่าง ทั้งกฏเกณฑ์ของตลาดที่ออกมาเยอะแล้ว เพื่อจะปิดช่องว่างระหว่างนักลงทุนขนาดใหญ่และขนาดเล็ก หรือนักลงทุนต่างประเทศนักลงทุนไทย ในแง่ของการเปิดเผยข้อมูล การขายหุ้น เช่น Naked Short Selling การลงโทษเอาผิดเมื่อพบว่าลงทุนไม่ถูกต้อง เป็นต้น อีกทั้งการเร่งอนุมัติงบประมาณปี 2569 ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมเดินหน้าการเจรจาการค้าในระดับนานาชาติ ซึ่งแม้จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในภาพรวม. -513-สำนักข่าวไทย