สระแก้ว 25 ก.พ. – จอมโจรร่ายคาถา “กำบังกาย” ก่อนขโมยสายไฟในร้านอาหาร หวังไม่มีใครเห็น แต่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพชัด ตำรวจตามรวบพร้อมของกลาง
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชายคนร้าย 2 คน เปิดประตูเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นชายเสื้อดำแยกเดินออกไปสำรวจหาทรัพย์สินมีค่า ส่วนคนร้ายอีกคน คุกเข่ากับพื้นแล้วพนมมือ และคล้ายกับท่องคาถาร่ายเวทย์มนต์อะไรบางอย่าง แต่สายตาก็ล่อกแล่กไปมา มองไปรอบๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าคาดอกออกมาจากประเป้ แล้วเดินตามเพื่อนคนร้ายเข้าไปช่วยกันขโมยสายไฟ กลางดึกเวลาประมาณ 23.40 วันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา และครั้งล่าสุด เข้ามาก่อเหตุเวลา 02.41 น. ของวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ภายในร้านอาหาร ตั้งอยู่ถนนสุวรรณศร 33 อ.เมือง จ.สระแก้ว
หลังจากเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. พอเช้าวันรุ่งขึ้น (12 ก.พ.) เจ้าของร้านพบถูกโจรขโมยสายไฟ ก็ไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว ทันที จากนั้น ชุดสืบสวนลงพื้นที่เก็บหลักฐานเพื่อใช้ติดตามคนร้าย แต่ก็ยังรวบตัวไม่ได้ คาดว่าก่อเหตุมาหลายครั้ง ทำให้เจ้าของร้านเสียทรัพย์สินจำนวนมาก แต่ล่าสุด ตำรวจนำกำลังติดตามตัวคนร้ายและใช้แผนติดกล้องวงจรปิดภายในร้านเฝ้ารอเพื่อซุ่มจับ โดยครั้งแรกพบเข้ามาก่อเหตุ และนั่งพนมมือท่องมนต์ เมื่อเจ้าของบ้านเห็นก็เข้ามาตรวจสอบ ทำให้ 2 โจรหลบหนีไป

ต่อมา ครั้งที่ 2 พบว่าคนร้ายขโมยคอมเพรสเซอร์แอร์หายไป 1 ตัว จนครั้งที่ 3 คนร้ายกลับมาขโมยเครื่องในคอมเพรสเซอร์แอร์ ไปอีก 2 ตัว ซึ่งตลอดเวลาที่ 2 คนร้ายก่อเหตุ ตำรวจเฝ้าทุกคืนแต่ก็ไม่เป็นผล กระทั่งเหตุการณ์ล่าสุด (23 ก.พ.) เมื่อได้สัญญาณจากเจ้าของร้านอาหาร ชุดตำรวจทีบสืบสวนลงพื้นที่ปิดล้อมไว้ทันที แต่กลับไม่พบตัว ต่างฝ่ายคิดว่าหรือสองคนร้ายท่องคาถาบังกายสำเร็จเป็นผลให้มองไม่เห็น แต่พอตำรวจแกล้งตะโกนแยกย้ายกันกลับ สักพักคนร้ายก็วิ่งออกมาจากร้าน ตำรวจจึงวิ่งไล่จับได้ทั้ง 2 คน ทราบชื่อ นายปัญญา อายุ 43 ปี และนายปราการ อายุ 29 ปี พร้อมของกลางคีมตัดลวด สายไฟ 2 ม้วน
จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายมองหาสถานที่ลับตาคนในการก่อเหตุ และให้การรรับสารภาพว่า นำไปขายที่ร้านขายของเก่า เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อยาเสพติดและใช้จ่ายทั่วไป ตำรวจจึงแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน และเสพยาเสพติด ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย