เปรู 15 พ.ย.-นายกฯ กล่าวถ้อยแถลง ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ APEC CEOs-Leaders Dinner ยืนยันรัฐบาลมุ่งมั่นส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภูมิภาคทุกมิติ พร้อมอำนวยความสะดวกการดำเนินธุรกิจในไทย ผลักดันผู้ประกอบการในประเทศให้เข้าถึงโอกาสการลงทุนต่างแดน เพื่อสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ
วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2567) เวลา 19.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงลิมา ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง ณ พิพิธภัณฑ์อมาโน ( Amano ) กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ APEC CEOs-Leaders Dinner ร่วมกับผู้นำภาคธุรกิจของเอเปค อาทิ ยูเอ็นเอซีอีเอ็ม กรุ๊ป ( UNACEM Group ) บริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานของเปรู และซีอีโอภาคเอกชนอื่น ๆ ที่สำคัญของเปรู
ทั้งนี้ ช่วงก่อนการรับประทานอาหาร นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเปรู โดยผ้าภายในร้านได้มีการสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำจากขนเบบี้อัลปากา ผสมเส้นใยไหมวิคูน่า (Vicuña) ซึ่งเคยใช้เป็นผ้าที่มอบให้ผู้นำในการประชุมเอเปคเมื่อปี 2016 และจะมอบให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในปีนี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถ้อยแถลงถึงแนวทางการสร้างความร่วมมือระหว่างภูมิภาค โดยกล่าวทักทายแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน พร้อมขอบคุณ นายเปโดร แลร์-แนร์ ผู้บริหาร UNACEM Group ที่เป็นเจ้าภาพในการจัดเลี้ยงอาหารค่ำวันนี้ ซึ่งได้คิดริเริ่มการอนุรักษ์ที่ช่วยชะลอการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ อันถือเป็นก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน และเป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็นว่าภาคเอกชนสามารถเข้ามามีส่วนส่งเสริมความยั่งยืนได้
ก่อนจะเปิดเผยว่า ในระหว่างการเดินทาง ได้มีโอกาสไปชมงานศิลปะสิ่งทอที่มีความปราณีต และแสดงถึงวัฒนธรรม รวมถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของเปรู ซึ่งมีความใกล้เคียงกับรูปแบบงานศิลปะสิ่งทอของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย แม้ว่าทั้งสองประเทศจะอยู่ห่างกันหลายพันไมล์ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังรู้สึกยินดีที่ได้ทราบว่ามวยไทย ได้รับความนิยมอย่างมากในเปรู
ด้วยเหตุนี้ แฟชั่นและมวยไทยจึงถือเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย ที่เรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ ที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้ส่งเสริมเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ภายใต้นโยบาย 5Fs ได้แก่ อาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น เทศกาล และการต่อสู้มาอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นว่า ทุกฝ่ายจะสามารถสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างสรรค์ความงามของมรดกทางวัฒนธรรม จากการใช้ประโยชน์จากผ้าและลวดลายจากท้องถิ่น ไปจนถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านกีฬาได้
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากซอฟต์พาวเวอร์ประเทศไทยยังมีพร้อมที่จะสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆอีกมากมายด้วย ตั้งแต่ความมั่นคงทางอาหารไปจนถึงความเชื่อมโยงจากพลังงานสะอาด ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพื่อสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและสังคมที่ครอบคลุมและยั่งยืน สานต่อผลประโยชน์ร่วมกันสำหรับประชาชน และคนรุ่นใหม่ ตลอดจนภูมิภาคของเราโดยรวม
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำด้วยว่า ประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจ และพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยง โดยรัฐบาลมุ่งมั่นอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจในประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงโอกาสในการลงทุนต่างประเทศ
นอกจากนี้ ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวขอบคุณผู้บริหาร UNACEM Group สำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น พร้อมยินดีที่ได้ทราบว่าพ่อครัวฝีมือดีที่ทำอาหารค่ำในวันนี้ เคยทำงานที่กรุงเทพฯ มาก่อน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับที่ประเทศไทย ไม่ว่าจะเพื่อธุรกิจหรือ การพักผ่อน.-316.-สำนักข่าวไทย