EXIM BANK ผนึกกำลัง Amazon พัฒนาทางลัดธุรกิจ SMEs ไทยโกอินเตอร์

24 ส.ค. – เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นเครื่องยนต์หนึ่งที่ได้รับการคาดหวังจากภาครัฐและภาคเอกชนให้เป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่อนาคต แต่การเข้าถึงโอกาสในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในโลกการค้าออนไลน์ ยังเป็นเรื่องที่ต้องการการพัฒนาอีกมาก กล่าวคือ ผู้บริโภคทั่วโลกได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยหันไปจับจ่ายใช้สอยในโลกการค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ E-Commerce เติบโตอย่างก้าวกระโดด


eMarketer บริษัทวิจัยการตลาดออนไลน์ชั้นนำของโลก คาดการณ์ว่าตลาด E-Commerce โลกมีแนวโน้มขยายตัวได้ 8.1-9.4% ในช่วงปี 2566-2569 แม้ชะลอความร้อนแรง แต่ก็สูงกว่าตลาดค้าปลีกปกติที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 3.4-4.3% ขณะที่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs จำนวนไม่น้อยยังไม่กล้ารุกเข้าไปในเวทีการค้าออนไลน์

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า การค้าขายออนไลน์หรือ E-Commerce ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในหลาย ๆ ตลาด เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่ควรเร่งปรับตัว เพื่อเข้าไปสู่ตลาดต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่าและเติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจไทย ด้วยกำลังซื้อและความนิยมของประชากรในประเทศนั้น ๆ ที่สนใจและให้ความนิยมสินค้าไทย รวมถึงสินค้าที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทย อาทิ อาหาร สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ


โครงสร้าง SMEs ไทยมีความย้อนแย้งในลักษณะมากแต่น้อย ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งระบบมีจำนวน 3.18 ล้านราย คิดเป็น 99.6% ของจำนวนผู้ประกอบการในประเทศไทย แต่มีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจเพียง 35% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่มี 13,580 ราย คิดเป็นสัดส่วน 0.4% กลับมีบทบทต่อ GDP ประเทศถึง 59% นอกจากนี้ในจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ทั้งหมด 3.18 ล้านราย เป็นผู้ส่งออกไม่ถึง 30,000 ราย หรือต่ำกว่า 1% เท่านั้น จากตัวเลขเห็นได้ว่า สามารถเพิ่มสัดส่วน SMEs ให้เป็นผู้ส่งออกได้อีกมาก

ดร.รักษ์ กล่าวว่า EXIM BANK ภายใต้บทบาท Thailand Development Bank ที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาของภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ โดยเชื่อมโยงกับความยั่งยืน และไม่ทิ้งคนตัวเล็ก จากการวิเคราะห์ข้อมูลและสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs พบว่า การที่ SMEs ไม่กล้าส่งออกเป็นเพราะมีความกลัว เช่น ไม่รู้จักลูกค้า ไม่รู้จะขายของให้ใคร ไม่เก่งด้านภาษาต่างประเทศ กลัวถูกโกงจึงไม่อยากเสี่ยง เป็นต้น EXIM BANK จึงจับมือร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ให้พร้อมเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออก ควบคู่กับการพัฒนา E-Commerce Platform ให้ SMEs ไทยมีทางลัดออกสู่ตลาดโลกได้สะดวกขึ้น

EXIM BANK มีโครงการความร่วมมือกับผู้บริหารแพลตฟอร์มระดับโลก อาทิ Amazon.com เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพ SMEs ไทยผ่านการอบรมให้ความรู้ ให้คำปรึกษาแนะนำ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเงินทุน ให้ SMEs ไทยสามารถเริ่มต้นค้าขายออนไลน์ระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง


นางภรณี ช็อมบร็อง ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารบัญชีลูกค้า Amazon Global Selling Thailand กล่าวว่า จากการศึกษาของ Amazon พบว่าสินค้าไทยส่งออกไปตลาดสหรัฐ มีหลากหลายประเภท อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องประดับ สิ่งทอ ของใช้ภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นรายการสินค้าที่ผู้บริโภคต่างชาติให้ความสนใจและเป็นเทรนด์ที่สอดคล้องกับระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อบน Amazon Platform หากผู้ประกอบการไทยสามารถจับโอกาสทางธุรกิจนี้ได้ อาจช่วยให้ธุรกิจไทยมีโอกาสขยายตลาดได้มากขึ้น อาทิ ตลาดญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป

นางภรณี กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลของ Amazon พบว่า 75% ของผู้ประกอบการไทยมองว่า ภาษาเป็นอุปสรรคลำดับต้น ๆ ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่ง Amazon จะมีทีมช่วยเหลือทางด้านภาษาและแนะนำเครื่องมือวิเคราะห์คำค้นหาของผู้บริโภค เพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเพื่อที่ผู้ขายจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาเครือข่ายทางธุรกิจผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนภายใต้โมเดล Bio-Circular-Green Economy

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า การทำตลาด E-Commerce ในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ขายหรือผู้ส่งออกไทยอาจต้องเสนอขายสินค้าที่ประหยัดและคุ้มค่า เช่น จัดโปรโมชันแบบรวมกลุ่ม ขายราคาถูกกรณีที่ผู้ซื้อรวมกลุ่มกันสั่งซื้อในปริมาณมาก ซึ่งแม้กำไรต่อชิ้นจะลดลง แต่ก็ชดเชยด้วยปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ดีในการซื้อสินค้าและอาจกลับมาซื้อซ้ำ นอกจากนี้ การมีเกมหรือกิจกรรมแจกรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยดึงดูดให้ผู้บริโภคใช้เวลาอยู่บน Platform นานขึ้น เพิ่มโอกาสซื้อสินค้าและเพิ่มความผูกพันกับร้านค้าหรือ Platform นั้นมากขึ้น เช่น การเล่นเกมรดน้ำต้นไม้ให้ผู้ซื้อเข้ามารับเหรียญรางวัลสำหรับแลกซื้อสินค้าในอนาคต

“การค้าออนไลน์ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของธุรกิจในโลกยุคใหม่ EXIM BANK จึงจับมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุนให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะคนตัวเล็ก แข่งขันได้ในตลาดโลกซึ่งยังมีความต้องการและมีกำลังซื้อสินค้าไทยอีกมาก แม้ในวิกฤติหรือความท้าทายย่อมมีโอกาสสำหรับผู้ที่มีความกล้าและความพร้อมจะเดินหน้าธุรกิจเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคและการใช้ชีวิตในรูปแบบวิถีใหม่ เป็นการกระจายตลาดและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและกำลังขับเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล” ดร.รักษ์ กล่าว . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 17 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย