ทำเนียบรัฐบาล 24 ก.ค. – “ธนกร” เผย รทสช. ประชุม สส. 26 ก.ค.นี้ หลังคุยเพื่อไทย บอกยังไม่ได้ร่วมรัฐบาล ชี้เรื่องปกติ พรรคอันดับ 1 ตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็ต้องอันดับ 2, 3 ตามลำดับ ถาม “พิธา” เป็นนายกฯ ได้คนเดียวหรือ รอเป็นสิบเดือนไม่ได้ ประเทศไม่ได้เล่นขายของ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงท่าทีพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังร่วมหารือกับพรรคเพื่อไทย เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะเป็นการส่งสัญญาณร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ว่า เป็นไปตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ได้แสดงจุดยืนไปแล้ว แต่จะร่วมกันหรือไม่ ต้องหารือร่วมกันภายในพรรคก่อน ซึ่งจะประชุม สส. วันพุธที่ 26 ก.ค. นี้ เวลา 16.00 น. โดยหัวหน้าและเลขาธิการพรรคจะนำผลการหารือมาพูดคุยในที่ประชุม อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรคเคยแสดงเจตจำนงแล้วว่ามีแนวคิดอย่างไร
เมื่อถามถึงทิศทางแนวโน้มของ สส.รวมไทยสร้างชาติ ในขณะนี้มีความคิดเห็นอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า สส.ภายในพรรคเป็นเอกภาพ การพูดคุยเจรจาถ้ามีเงื่อนไขทำเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน คิดว่า สส.ของพรรคไม่มีปัญหา
ส่วนได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ หลังการหารือร่วมกับพรรคเพื่อไทย นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว แต่เท่าที่ตนได้พูดคุย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ว่าอะไร ยืนยันว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ วางมือทางการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับการเปิดทางให้พรรครวมไทยสร้างชาติร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย
“ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ เปรยตลอดว่าหากถึงเวลาที่เหมาะสมท่านก็ต้องวางมือ และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง ซึ่งเป็นแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ คิดไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เนื่องจากทำงานให้ประเทศชาติมากว่า 8-9 ปี ถึงเวลาที่เหมาะสมที่ต้องพักผ่อนและหาเวลาไปทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ซึ่งเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมทำงานให้ประเทศชาติ” นายธนกร กล่าว
เมื่อถามถึงแนวคิดของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าหากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เป็นหน้าที่ของพรรคในลำดับที่ 3 จะต้องรัฐบาล จะถือเป็นการส่งสัญญาณว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตามหลักการพรรคอันดับ 1 จัดตั้งไม่ได้ก็ต้องเป็นพรรคลำดับที่ 2 และหากพรรคในลำดับที่ 2 ไม่สามารถจัดตั้งได้ก็เป็นพรรคลำดับที่ 3 เป็นไปตามหลักการทั่วไป ซึ่งตนเห็นใจพรรคเพื่อไทย เหมือนมติของ 8 พรรคร่วมให้ไปแสวงหาคะแนนเพิ่มในแนวทางต่างๆ เมื่อพรรคเพื่อไทยไปแสวงหาแกนนำ พรรคก้าวไกลก็กลับเหน็บแนม และสมาชิกพรรคก้าวไกลก็บุกไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย และใช้แป้ง เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อวานนี้ ซึ่งไม่เหมาะสม
นายธนกร กล่าวว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกลต้องเข้าใจระบอบประชาธิปไตย และควรทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคที่รักใคร่ชอบพอ เพราะบรรยากาศแบบนี้เหมือนปล่อย ซึ่งมันเป็นทฤษฎี 2 ขา นำไปสู่ความขัดแย้งในที่สุด การชุมนุมต่างๆ สามารถทำได้เป็นไปตามที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด จัดกิจกรรม ซึ่งไม่มีปัญหา เพราะทำตามกฎหมาย
“แต่แกนนำจัดตั้งรัฐบาลอันดับ 1 คือวันนี้พอเป็นนายกฯ ไม่ได้ ไม่มีใครเป็นได้แล้วหรือ นอกจากคุณพิธา ตนก็ไม่เข้าใจ เพราะที่ผ่านมา หากอันดับ 1 ตั้งไม่ได้ ก็อันดับ 2 ตั้งไป เป็นเรื่องปกติมากทางการเมือง และที่บอกว่ารอไปสัก 10 เดือน ตนมองว่าเมื่อเลือกตั้งเสร็จกลไกการจัดตั้งรัฐบาล การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีควรเดินหน้าไป แม้มีอุปสรรคบ้าง เพราะเป็นการเมืองแบบรัฐสภาฯ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ ไม่ควรรอถึง 10 เดือน เพราะประเทศเสียหาย ประชาชนและนักธุรกิจเฝ้ารอดูอยู่” นายธนกร กล่าว
ส่วนเหตุการณ์ความวุ่นวายภายในพรรคเพื่อไทย วานนี้ (23 ก.ค.) จะทำให้ MOU 8 พรรคร่วม ล่มหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย แต่เห็นบรรยากาศที่มีการนำแป้งไปโรยนั้น สงสารนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เพราะเลอะแป้งไปถึงศีรษะ ไม่ควรมีบรรยากาศแบบนี้ เนื่องจากเป็นการเจรจาตามกรอบที่พรรคร่วม 8 พรรคได้มอบหมายให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งในการเจรจาเบื้องต้นต้องพูดคุยว่าเขาคิดกันอย่างไร และยังไม่ได้ไปถึงจุดร่วมรัฐบาลกันเลย และเมื่อเกิดสถานการณ์อย่างนี้แล้ว ในอนาคตอาจจะยุ่งยากเหมือนกัน
เมื่อถามย้ำว่าเหตุการณ์วานนี้เพื่อไทยควรจะบอกเลิกพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วง พร้อมกับกล่าวว่าหากพรรคในลำดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งได้ก็ควรเป็นพรรคในลำดับที่ 2 หากพรรคลำดับ 2 ไม่ได้ ก็ควรเป็นลำดับที่ 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมืองควรเข้าใจ และคิดว่าทุกพรรคที่ได้รับการเชิญไปพูดคุยก็เข้าใจ ไม่ใช่ว่าถูกเชิญไปพูดคุยแล้วจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะเป็นพรรคฝ่ายค้านก็ได้ เราก็ไม่รู้ แต่นี่เป็นการเจรจาในเบื้องต้น
นายธนกร กล่าวถึงท่าทีของพรรคก้าวไกลที่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมออกจากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเป็นเด็กเกินไปหรือเปล่าว่า บ้านเมืองไม่ใช่เด็กเล่นขายของ เหมือนกับคนที่เป็นแฟนกัน หมั้นกันแล้วเขาก็เลิกกันได้ เหมือนพ่อแม่คลุมถุงชนมาอย่างนี้ วันหนึ่งเมื่อหมั้นกันแล้ว พ่อแม่คลุมถุงชนมา เขาก็ยังเลิกกันได้เลย เพราะไม่ได้รักกันด้วยหัวใจ ฉะนั้นคนที่จะแต่งงานกัน มันต้องมีความรักที่ออกมาจากใจ ไม่ใช่รักด้วยสมอง แต่ต้องรักด้วยหัวใจ.-สำนักข่าวไทย