“แอม” โดนหมายจับเพิ่มอีก 1 หมาย “อ.อ๊อด” หวังผลตรวจตู้เย็นเคสครูอ๊อด จะเจอสารพิษ

29 เม.ย.- ความคืบหน้าคดี “แอม ไซยาไนด์” ศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 1 หมาย ขณะที่ผู้ต้องหานอนคุกเป็นคืนที่ 3 ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เผย “แอม” ปรับตัวได้ดี เป็นคนเฟรนด์ลี่ ชวนคนอื่นคุย ชีพจรเด็กในท้องปกติ ด้าน อ.อ๊อด หวังผลตรวจตู้เย็นเคสครูอ๊อด ที่นครปฐม จะเจอสารพิษ หลังญาติขอให้รื้อคดี ขณะที่วันนี้ “รพี ชำนาญเรือ” ผู้ประสานเหยื่อคดีแอม เข้าให้ข้อมูลพนักงานสอบสวน พร้อมฝากถึง สธ.ตรวจสอบเคสต้องสงสัยย้อนไปถึงปี 58


ศาลอนุมัติหมายจับ “แอม” เพิ่ม 1 หมาย 

คืบหน้าคดีนี้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐมได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 1 หมาย กับนางสาวแอม ในเคส พ.ต.ต.หญิงนิภาเสียชีวิต ซึ่งเหตุเกิดขึ้นบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ และศาลได้อนุมัติหมายจับแล้ว ส่วนเร็วๆ นี้ พนักงานสอบสวนเตรียมขอศาลออกหมายจับเพิ่มอีก 2-3 หมาย เนื่องจากการไปตรวจค้นในพื้นที่บางแพ จ.ราชบุรี ตรวจค้นบ้านพักรอง ผกก.ที่กาญจนบุรี และขยายผลหาหลักฐานในพื้นที่นครปฐม ทำให้พบวัตถุพยานเป็นจำนวนมาก 


ขณะที่ รอง ผกก.สามีเก่าของแอม มีการสอบสวนอย่างละเอียดแล้วเช่นกัน โดยล่าสุดได้สั่งให้ไปช่วยราชการที่ สปก.ราชบุรี เพื่อไม่ให้ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือกระบวนการสอบสวน ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่พบข้อมูลว่าร่วมก่อเหตุกับนางสาวแอม แต่หากหลักฐานสาวไปถึงว่าพัวพัน ต้องถูกดำเนินคดี โดยไม่มีการละเว้น 

ส่วนรถ SUV สีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถคันที่ไปรับแอม กลับจากอุดรธานี หลังนายแด้ (สามี) เสียชีวิต โดยรับกลับมาฉลองวันเกิด ชุดสืบตรวจพบว่ารถคันนี้ถูกนำมาจอดทิ้งไว้ในพื้นที่นครปฐม จึงไปดำเนินการยึดไว้เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยง โดยจังหวะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ มีชายคนหนึ่งเดินมาดูรถด้วย แต่ไม่ยอมบอกว่าเกี่ยวข้องกับแอมหรือไม่ บอกแต่เพียงว่ารับจำนำรถคันนี้ไว้ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบล่าสุดพบว่า ทะเบียนที่ปรากฏเป็นทะเบียนปลอม เลขเครื่องก็ไม่ถูกต้อง ทำให้ต้องสืบต่อว่าแท้จริงแล้วรถคันนี้เป็นของใคร  

เร่งรัดหาหลักฐานเพิ่มคดี “แอม ไซยาไนด์” 


ส่วนความเคลื่อนไหวในกรุงเทพฯ เมื่อวาน (28 เม.ย.) มีการประชุมชุดคลี่คลายคดี นำข้อมูลในพื้นที่ภาค 7 และภาค 4 มากางว่าการไปเก็บหลักฐานในคดีมีความคืบหน้าและเชื่อมโยงกันหรือไม่ ภายหลังประชุม พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการกองบังคับการศูนย์ฝึกอบรม บช.น. 1 ในหัวหน้าชุดทำคดี ยืนยัน ณ ตอนนี้เหยื่อคดีนี้มี 14 คน รอดชีวิต 1 และเสียชีวิต 13 ส่วนหลักฐานที่มียังไม่เชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่น ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยผลชันสูตรศพเหยื่อ 2 คน คือ “ก้อย” ที่เสียชีวิตในพื้นที่บ้านโป่ง จ.ราชบุรี กับ “สารวัตรปู” ที่เสียชีวิตในพื้นที่นครปฐม พบว่าทั้งคู่มีสารไซยาไนด์อยู่ในร่างกายในปริมาณที่สามารถทำให้เสียชีวิตได้ แต่ว่าใช้ในลักษณะใด ยังไม่สามารถบ่งชี้ได้  

“แอม” เครียดน้อยลง เด็กในท้องสัญญาณชีพยังดี 

ส่วนแอม ที่นอนคุกเป็นคืนที่ 3 แล้ว ปรับตัวได้ดีขึ้น พูดคุยกับผู้ต้องขังรายอื่น ส่วนลูกในท้องสูตินรีแพทย์ ตรวจแล้วพบว่าสัญญาณชีพปกติ ส่วนคนเข้าเยี่ยมมีเพียงทนายความคนเดียว ญาติพี่น้องยังไม่พบว่ามีใครขอเข้าเยี่ยม

ครอบครัวเหยื่อร้องตำรวจขอรื้อคดี

ส่วนเหยื่อคดีแอม ยังหอบหลักฐานร้องทุกข์ตำรวจเรื่อยๆ อย่างเมื่อวานที่ราชบุรี สามีและลูกของนางสาวกะณิกา หรือ เอ๊ะ ได้นำหลักฐานมาให้ตำรวจเพิ่ม โดยสามีเล่าว่าก่อนที่ภรรยาจะเสียชีวิตได้โทรคุยกับแอมทุกวัน และวันเกิดเหตุได้ขับรถไปเจอแอมที่ปั๊ม ก่อนที่ลูกสาวจะโทรหาแม่ แต่แอมกลับรับสาย แล้วบอกว่าเอ๊ะเป็นลมล้มวูบไปให้รีบมาที่โรงพยาบาล ทั้งๆ ที่เอ๊ะไม่เคยเจ็บป่วย แถมเงินยังหายไปเยอะด้วย 

ตำรวจบ้านโป่ง ยืนยันเปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า พบวัตถุพยานในคดีแอมเพิ่มอีก 12 ตัว และเสาร์อาทิตย์นี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะลุยตรวจสอบตัวอย่างอีก 200 ตัวอย่างที่พบให้แล้วเสร็จ 

อ.อ๊อด หวังผลตรวจตู้เย็นเคสครูอ๊อดจะเจอสารพิษ

ขณะที่อาจารย์อ๊อด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อัปเดตคดีแอมว่า เมื่อวานนี้ (28 เม.ย.) สภ.บ้านโป่ง และตำรวจพิสูจน์หลักฐานภาค 7 ได้นำวัตถุพยานมาส่งที่ห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสนอีก 19 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นวัตถุพยานที่พบในรถที่ผู้ต้องหานั่งไปกับผู้ตายในเคสที่พาไปปล่อยปลา ส่วนความคืบหน้าการตรวจวัตถุพยานเกือบ 400 ตัวอย่าง ที่ตำรวจเข้าตรวจค้น 5 จุดเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ขณะนี้ตรวจไปได้แล้ว 50 ตัวอย่าง ส่วนรายละเอียด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล จะมาแถลงหลังกลับจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ เคส “ครูอ๊อด” หรือ น.ส.ผุสดี อายุ 39 ปี ที่เสียชีวิตในพื้นที่ดอนตูม จ.นครปฐม และญาติขอให้รื้อคดี เคสนี้ผู้เสียชีวิตป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือด มีการกินยาสมุนไพรตามคำแนะนำของแอม เคสนี้ อ.อ๊อด ยอมรับหนักใจ เพราะเสียชีวิตไปตั้งแต่ 20 พฤศจิกายน ปี 65 แต่ล่าสุดร้อยเวรแจ้งว่า พ่อแม่ครูอ๊อดไม่ได้เคลียร์ของในตู้เย็นที่ห้องครูอ๊อด ซึ่งในตู้เย็นมีทั้งน้ำและสมุนไพรต่างๆ ทำให้ตอนนี้ได้แจ้งให้ส่งมาตรวจสอบที่ห้องแล็บ หวังว่าอาจเจอสิ่งแปลกปลอม เพื่อจะได้ใช้เป็นหลักฐานเอาผิดแอมได้ 

“รพี” ขอ สธ.ตรวจสอบเคสต้องสงสัยย้อนไปถึงปี 58 

เช้านี้ นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานเหยื่อคดีแอม เข้าให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนกองปราบปรามในเคสก้อย เหยื่อที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เมษายน บริเวณริมน้ำ อ.บ้านโป่ง โดยนายรพีบอกว่า ในวันนี้จะให้ข้อมูลเหตุการณ์ที่ก้อยเสียชีวิต และหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่เห็นแอมขับรถมารับก้อย ออกจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง และรายละเอียดไทม์ไลน์การติดต่อกับส้ม พี่สาวก้อย หลังจากก้อยเสียชีวิต นอกจากนี้ยังเตรียมข้อมูลอย่างไว้ให้ “บิ๊กโจ๊ก” ในสัปดาห์หน้าด้วย โดยรายละเอียดเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่นครปฐม 1 คน ส่วนอีก 1 คน ยังอยู่ระหว่างการตรวสอบ พร้อมฝากไปถึงกระทรวงสาธารณสุข ให้ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังการเสียชีวิตในเคสที่หัวใจล้มเหลวคล้ายๆ กับคดีที่เกิดขึ้นในตอนนี้ โดยย้อนกลับไปถึงปี 58 เพื่อจะได้ทราบว่ามีความเชื่อมโยงคดีแอมหรือไม่  

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม ให้ข้อมูลเพิ่มว่า นอกจากวันนี้จะเชิญนายรพีมาให้ข้อมูล วันพรุ่งนี้ได้เชิญบุคลากรทางการแพทย์ 1 ท่าน ซึ่งเป็นคนที่แอมเคยไปปรึกษาถามข้อมูลเกี่ยวกับคนที่มีอาการหัวใจล้มเหลวว่า มีอาการเป็นเช่นไร มาสอบปากคำด้วย 

ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ร้องเรียนเข้ามาในขณะนี้พบว่ามีมากถึง 18 คน แต่การสืบสวนของตำรวจมีเพียง 14 คน ที่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ ยืนยันขณะนี้แนวทางการสืบสวนในคดีที่ทำงานร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 แล้วชุดสืบสวนของบิ๊กโจ๊ก เป็นไปในทิศทางที่ดี และคดีมีความคืบหน้าต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]