หารือข้อกฎหมายก่อนนัดแสดงพลัง 28 มิ.ย.นี้

23 มิ.ย.68 คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา และนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่ม คปท. เข้าร่วมประชุมกับตำรวจนครบาล เพื่อหารือข้อกฎหมายในการชุมนุม และร่วมกันออกแบบไม่ให้กระทบการจราจร รวมถึงการใช้ชีวิตของประชาชน


นายนิติธร ล้ำเหลือ หนึ่งในแกนนำ เปิดเผยว่า วันนี้จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการบริหารพื้นที่ การบริหารความปลอดภัยและด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ รวมถึงด้านการจราจร โดยมีเจ้าหน้าที่ตํารวจ เจ้าหน้าที่ กทม. สํานักงานเขตทุกฝ่ายเข้าร่วมประชุม เบื้องต้นทางคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย มีการประชุมเกี่ยวกับการกําหนดจุดต่างๆ ซึ่งจะมีการตั้งเวทีหันหน้าไปทางถนนดินแดง อย่างไรก็ตาม จะต้องมาคุยกับเจ้าหน้าที่ตํารวจอีกครั้ง

สำหรับวันนี้ ภารกิจของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการประชุมเรื่องการเปิดบัญชี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และจะมีการประชุมเรื่องการออกแบบกิจกรรม ซึ่งจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ในวันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.68) เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์


จากนั้นแกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ได้เข้าหารือกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมี พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 นายสบโชค ณ ศรีโต ผู้อำนวยการเขตราชเทวี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ

ทางแกนนำได้ชี้แจงเหตุผลและความต้องการ โดยต้องการให้ตำรวจดูแลความปลอดภัยตลอดการชุมนุมและกลับบ้านอย่างปลอดภัย และอำนวยความสะดวก ทั้งเรื่องไฟฟ้า รถสุขา รวมถึงขอใช้พื้นผิวการจราจรบางส่วน ไม่ได้ปิดการจราจร และยืนยันว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ และไม่มีการเคลื่อนย้ายการชุมนุม ไม่ค้างคืน

นายจตุพร กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างการหารือว่า อยากให้ตำรวจช่วยตั้งจุดคัดกรองในการดูแลป้องกันมือที่ 3 พร้อมขอให้ตำรวจไม่สร้างบรรยากาศโดยการนำตำรวจควบคุมฝูงชนฯ มาในพื้นที่


ขณะที่ พล.ต.ต.อัฏธพร ได้ให้แกนนำชี้แจงแผนผังการจัดตั้งเวที และการใช้พื้นที่ทำกิจกรรม พร้อมบอกว่า การจัดกิจกรรมต้องให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการจราจร รวมถึงมีความปลอดภัยกับผู้ชุมนุมและผู้ใช้รถใช้ถนนโดยรอบ และเท่าที่ดูแล้ว การทำกิจกรรมไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญ และให้มีการตั้งชุดประสานงานระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ เพื่อหารือถึงการจัดเวที และใช้พื้นที่จัดกิจกรรม ให้เข้าใจตรงกัน

ส่วนการดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุม ตำรวจจะตั้งจุดคัดกรอง 4 มุม และชั้นนอกจะมีการตั้งจุดตรวจด้วย เพื่อเป็นการป้องปราม ยืนยันว่า มาตรการทั้งหมดไม่ได้เป็นการปิดกั้นประชาชนเข้าสู่พื้นที่ชุมนุม แต่เพื่อให้เข้าและออกอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยเรื่องนี้ จึงขอให้ไม่ต้องกังวลใจ

ภายหลังการหารือนาน 1 ชั่วโมง นายนิติธร กล่าวว่า เบื้องต้นทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะเข้าใช้พื้นที่ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 27 มิถุนายน 2568 เพื่อเข้าติดตั้งอุปกรณ์ และให้ใช้ช่องจราจรติดขอบฟุตปาธอนุสาวรีย์ได้ 1 ช่องจราจร และเปิดการจราจรตามปกติ เพื่อให้ประชาชนสัญจรได้ จนกว่าจะถึงเวลาชุมนุม ก็พิจารณาตามสถานการณ์ และมีช่องทางสำหรับรถฉุกเฉิน เบื้องต้นคาดการณ์ว่า ผู้ชุมนุมจะเริ่มเดินทางมาถึงในเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 28 มิถุนายน ยืนยันจะไม่มีการค้างคืน และจะยุติการชุมนุมในเวลา 21.00 น. ทั้งนี้ การหารือยังเห็นร่วมกันว่า การสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ที่มาแสดงพลัง จะสื่อสารกันอย่างสร้างสรรค์ ไม่มีการข่มขู่ เพื่อเป็นการมาแสดงออกในการปกป้องอธิปไตย

ส่วนกรณีทางการข่าว คนที่จะเข้ามาก่อความวุ่นวายทั้งในและต่างประเทศ นายนิติธร บอกว่า เบื้องต้นเท่าที่ทราบมีกระแสข่าวว่า กัมพูชาจะส่งคนมาทำร้ายคนไทย และมีเอกสารของรัฐว่าจะจัดการคนที่มาปกป้องอธิปไตย ดังนั้นมองว่า หากมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้น รัฐบาลจะเป็นคนเริ่ม ไม่ใช่ประชาชน และหากมีข้ามมาจากกัมพูชา เจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแลเรื่องนี้ ซึ่งส่วนของกลุ่มในฐานะภาคประชาชน ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องของการข่าวที่เข้ามา เพราะมีเจตนาที่ชัดเจนในการทำกิจกรรม

ด้านนายจตุพร ยืนยันว่า จะไม่ขนคนแม้แต่เพียงคนเดียว และขณะนี้ทราบว่าจะมีประชาชนทั้งประเทศเดินทางมาร่วมกิจกรรมปกป้องอธิปไตย โดยเชื่อว่าประชาชนจะมามืดฟ้ามัวดิน พร้อมบอกด้วยว่า หากฝ่ายรัฐไม่ร่วมมือก็อย่ามาขัดขวาง อย่ามาแสดงตนเป็นอุปสรรคให้ขายหน้ากัมพูชา ส่วนกำลังนอกราชอาณาจักร หากจะมาป่วนนั้น มองว่าถ้ารัฐไม่รู้เห็นก็คงไม่มีทางเข้ามาได้ ดังนั้นขอเตือนว่า อย่าทำอะไรให้เกิดความเลวร้าย เพราะหากหาเรื่อง ครั้งหน้าจะไปทำเนียบฯ และการแสดงออกโดยปราศจากอาวุธ ศาลรัฐธรรมนูญ เคยตีตกคำร้อง เพราะไม่ขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพ

ภาพ ชำนาญวุฒิ สุขุมวานิช

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย