เปิดต่อไม่รอ (วัคซีน) แล้วนะ… ชาติอาเซียนเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

By ภุสพงศ์ ฉายประเสริฐ


ชาติอาเซียนอย่างน้อย 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม-สิงคโปร์-ไทย ทยอยเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หวังให้ช่วยฟื้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังต้องเฝ้าระวังการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19

เวียดนามชิงเปิดเที่ยวบินพาณิชย์สู่ 6 ประเทศในเอเชีย

สำนักงานการบินพลเรือนของเวียดนาม ประกาศกลับมาเปิดบริการเที่ยวบินพาณิชย์ไปยัง 6 ประเทศในเอเชียตั้งแต่กลางเดือนกันยายนนี้ โดยจุดหมายปลายทาง 6 เมืองดังกล่าว ได้แก่ นครกว่างโจว ของจีน, ไทเป ไต้หวัน, กรุงโซล เกาหลีใต้, กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น, กัมพูชา และ สปป ลาว โดยชาวต่างชาติที่จะเดินทางมายังเวียดนามต้องปฏิบัติตามระเบียบต่าง ๆ เช่น จะต้องถูกกักตัวโดยออกค่าใช้จ่ายเอง และมีผลตรวจว่าปลอดเชื้อโควิดก่อนขึ้นเครื่องไม่เกิน 72 ชั่วโมง เป็นต้น

ทางการเวียดนามระบุว่า มีชาวต่างชาติแสดงความจำนงจะเดินทางมายังกรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็น 2 จุดบินที่กลับมาเปิดให้บริการ ราว 5,000 คน/สัปดาห์ แต่ช่วงแรกนี้จะมีเที่ยวบินให้บริการไม่มาก เพียง 1-2 สัปดาห์/เที่ยว/เส้นทางเท่านั้น และส่วนใหญ่ให้บริการโดยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ และเวียตเจ็ท ซึ่งเที่ยวบินระหว่างประเทศเที่ยวแรกของเวียดนามแอร์ไลน์ออกเดินทางจากกรุงฮานอยไปยังกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 และมีเที่ยวบินจากนครโฮจิมินห์ ไปยังโตเกียวในวันเดียวกัน

ในช่วงแรกเวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีมาก แต่เกิดการระบาดรอบ 2 ที่เมืองดานังเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม และสามารถควบคุมได้อีกครั้งหลังผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ประมาณ 1,000 คน (ข้อมูล ณ 22 ก.ย.63) ทำให้ทางการเริ่มกลับมาผ่อนคลายข้อจำกัดต่าง ๆ มากขึ้น เช่น อนุญาตให้เปิดโรงเรียนทั่วประเทศเมื่อต้นเดือนกันยายน และให้ธุรกิจต่าง ๆ กลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ


สิงคโปร์ทยอยเปิดช้าๆ อย่างจำกัด

แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสิงคโปร์จะสูงถึงกว่า 57,000 คน (ข้อมูล ณ 22 ก.ย.63) และตัวเลขรายวันยังคงเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก แต่สิงคโปร์ก็เตรียมแผนที่จะเปิดรับชาวต่างชาติอย่างช้าๆ ภายใต้ข้อจำกัด ทั้งจำนวนผู้เดินทาง และมีมาตรการป้องกันด้านสาธารณสุข โดยช่วงแรกจะเปิดรับชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงของการแพร่ระบาดต่ำ

ล่าสุด สิงคโปร์ทำความตกลงกับบรูไน นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น อนุญาตให้ผู้เดินทางจากทั้ง 3 ชาติ เดินทางเข้าสู่สิงคโปร์ได้แล้ว โดยมีเพียงใบรับรองแพทย์ว่าผ่านการตรวจเชื้อโควิด-19 ทั้งก่อนและเมื่อเดินทางมาถึง แต่ไม่ต้องถูกกักตัวแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สิงคโปร์ประกาศปิดประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม นอกจากนี้ ทางการสิงคโปร์ยังจะพิจารณาเปิดรับชาวต่างชาติจากบางประเทศเพิ่มอีก โดยจะให้กักตัวเพียง 7 วัน

ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทางการสิงคโปร์อนุญาตให้ผู้โดยสารเครื่องบินสามารถแวะต่อเครื่องที่สนามบินชางงีได้ เพื่อหวังลดผลกระทบต่อธุรกิจการบิน ทั้งของสนามบินชางงี ซึ่งวางตำแหน่งเป็นศูนย์กลางการบิน (Hub) ของภูมิภาค รวมทั้งธุรกิจของสายการบินในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ที่กำลังซบเซาอย่างหนัก

ไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวระยะยาวอยู่ได้เกือบ 9 เดือน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 มีมติอนุมัติหลักการจะเปิดให้วีซ่าพิเศษแก่นักท่องเที่ยว (Special Tourist Visa : STV) ให้สามารถเข้ามาพำนักในประเทศไทยได้นาน 90 วัน และสามารถต่อวีซ่าได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวม 270 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564 หรือเป็นเวลา 1 ปี

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยตามโครงการนี้ 1,200 คน/เดือน และสร้างรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท/เดือน แม้จะน้อยมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 3.3 ล้านคน/เดือน สร้างรายได้ถึง 160,000 ล้านบาท/เดือน แต่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็มองว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีจากการเปิดประเทศในฤดูท่องเที่ยว หรือ High Season พอดี

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาไทยตามโครงการนี้ยังมีข้อจำกัดหลายด้าน ได้แก่

• จะต้องมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่ำ
• มีเอกสาร Fit to Fly และผ่านการตรวจเชื้อโควิด-19 ทั้งก่อนและเมื่อเดินทางถึง
• ต้องทำประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษาไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
• ต้องกักตัว 14 วัน โดยออกค่าใช้จ่ายเอง และต้องจองล่วงหน้า
• หลังครบระยะกักตัวแล้ว ต้องยินยอมให้ถูกติดตามตัวโดยใช้แอปพลิเคชัน หรือสวมสายรัดข้อมือ


นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาจะเป็นกลุ่มที่เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว และเที่ยวบินเช่าเหมาลำเป็นหลัก เพราะทางการไทยยังไม่มีแผนชัดเจนที่จะเปิดให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศ

มาเลเซียรับเฉพาะนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาเลเซียตั้งเป้าจะเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้านบริการทางการแพทย์สำหรับชาวต่างชาติ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเฉพาะด้านนี้ เพิ่มขึ้นจาก 643,000 คนในปี 2544 เป็นกว่า 1.2 ล้านคนในปี 2561 สร้างรายได้เพิ่มขึ้นจาก 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นกว่า 362 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อต้องเผชิญกับโควิด-19 แม้จะยังเปิดรับนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอยู่ แต่ก็มีข้อจำกัดอย่างมาก โดยจำกัดเฉพาะผู้ที่มาจากบรูไน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และมีเงื่อนไขที่เข้มงวดอย่างยิ่ง สภาการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของมาเลเซียยอมรับว่า ชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในมาเลเซียปีนี้ น่าจะเหลือเพียง 300,000 คน ทำรายได้ให้โรงพยาบาลต่างๆ เพียง 121 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (500 ล้านริงกิต) และจะยังมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงกลางปี หรือปลายปีหน้า

รายได้จากนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของมาเลเซีย
• ปี 2561 362 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
• ปี 2562 412 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2563 121 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(เป้า 485 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
• คาดการณ์ปี 2564 194 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ชาติอาเซียนส่วนใหญ่ยัง “ปิดไม่มีกำหนด”

ความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงทำให้แผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทำได้แบบจำกัด และบางประเทศยังไม่สามารถดำเนินการได้ ชาติในอาเซียนส่วนใหญ่ขณะนี้จึงยังคงสถานะปิดประเทศต่อไปไม่มีกำหนด และอนุญาตให้ชาวต่างชาติบางกลุ่ม เช่น นักการทูต เจ้าหน้าที่รัฐ หรือนักธุรกิจภายใต้ข้อตกลงเฉพาะ และเงื่อนไขที่กำหนด เท่านั้น ที่เดินทางเข้าประเทศได้ แม้จะต้องเผชิญความยากลำบากจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนักก็ตาม.


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”