ส.ป.ก.โคราช ถูกกรมอุทยานฯ ร้อง ป.ป.ช.กรณีออก ส.ป.ก.4-01 ทับที่เขาใหญ่

นครราชสีมา 18 ก.พ. – กรมอุทยานฯ ร้อง ป.ป.ช. และพนักงานสอบสวน สภ.หมูสี ให้สอบสวนผู้เกี่ยวข้องกับการออก ส.ป.ก.4-01 ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยเห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีลักษณะเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่กันทำ เบื้องต้นกล่าวโทษปฏิรูปที่ดินโคราช ผู้เขียนแผนที่ และผู้ตรวจเอกสารรับรองสิทธิ


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า ได้รายงานต่อพล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถึงการที่คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าแจ้งต่อเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อให้ตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในการรังวัดและกำหนดรูปแปลงส.ป.ก. 4-01 ซึ่งปรากฏในเว็บไซต์ของสำนักจัดการแผนที่และสารบบที่ดิน (สผส.) การฝังหลักหมุด ส.ป.ก. และออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

นอกจากนี้ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ยังร้องขอให้พนักงานสอบสวนสภ. หมูสีสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยผู้ถูกกล่าวโทษคือ นายอัครเดช เรียนหิน ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมาซึ่งผู้ลงนามในหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) นายวัฒวี วิเลิศรัมย์ ผู้เขียนแผนที่ (ส.ป.ก.4-01) และนางปรียาภรณ์ เพิ่มแสงสุขกุล ผู้ตรวจเอกสารรับรองสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 และ/หรือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่สนับสนุนให้เกิดการกระทำผิด


ทั้งนี้เป็นการดำเนินการหลังจากที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาตินำคณะเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ เข้าตรวจสอบพื้นที่ในหมู่บ้านเหวปลากั้ง ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาซึ่งตรวจพบการบุกรุกแผ้วถางที่ดิน โดยผู้บุกรุกอ้างเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 และพบการฝังหลักหมุดส.ป.ก.4-01 จำนวนมากภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับถนนป่าไม้ลำลองซึ่งเป็นแนวเขตอุทยานแห่งชาติ มีสภาพป่าดิบแล้งอุดมสมบูรณ์และพบร่องรอยการใช้ประโยชน์ของสัตว์ป่าเช่น เก้ง ช้าง กระทิง เป็นต้น

คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันรื้อถอนหลักหมุดเขตส.ป.ก. ที่ตรวจพบทั้งสิ้น 27 หมุด เสาหลักเขต 5 ต้น รื้อถอนต้นมะม่วงที่ปลูกเพื่อยึดครองพื้นที่ 20 ต้น และรื้อถอนป้ายประกาศที่แสดงการได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน 1 ป้าย

จากนั้นจัดทำบันทึกการตรวจสอบ/ตรวจยึดเพิ่มเติมเพื่อแจ้งความกล่าวโทษผู้กระทำผิดและร้องขอให้พนักงานสอบสวนสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกส.ป.ก. 4-01 ดังกล่าว


คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ เห็นว่า พฤติการณ์ของผู้กระทำผิดเป็นการกระทำเป็นขบวนการสนับสนุนเกี่ยวข้องกันและมีการแบ่งหน้าที่กันเพื่อออกเอกสารส.ป.ก. 4-01 โดยมิชอบในเขตป่าอนุรักษ์ โดยพบว่า มีออกเอกสารส.ป.ก. 4-01 ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่รวม 972-2-79 ไร่ และมีการทับซ้อนในพื้นที่ป่าไม้ตามพ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 อีก 486-1-74 ไร่

สำหรับการตรวจสอบพบการออกเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 ซึ่งทับซ้อนเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เกิดขึ้นจากการที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ออกตระเวนเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 พบการบุกรุกพื้นที่และปรับสภาพโดยใช้เครื่องจักร บริเวณนี้ติดถนนแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รวมถึงพบป้ายแสดงเอกสารส.ป.ก.4-01 พื้นที่บุกรุก 3-3-93 ไร่ แต่ไม่พบบุคคลใดในที่เกิดเหตุจึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ. หมูสี ต่อมาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2566 พบการไถปรับพื้นที่และดันต้นไม้ออก ในที่ดินแปลงเดิม โดยจับกุมนายสหรัฐ ทศกระโทกกับพวกรวม 2 คน รถแทรกเตอร์ 2 คัน พร้อมอุปกรณ์หยอดข้าวโพดและอุปกรณ์พรวนดิน นำส่งสภ.หมูสีดำเนินคดี

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา (ส.ป.ก. นครราชสีมา) ออกประกาศสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา กรณีเฉพาะราย เรื่อง ผลการคัดเลือกและอนุญาตให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา (ประเภทแปลงเกษตรกรรม) มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน หากผู้ใดประสงค์คัดค้านให้ยื่นคำร้องที่ส.ป.ก. นครราชสีมา ภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันประกาศเป็นต้นไป โดยในหมู่ที่ 10 บ้านเหวปลากั้ง ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่รวมประมาณ 73-0-37 ไร่ ปรากฏรายชื่อรวม 3 ราย 3 แปลง ปรากฏชื่อ ได้แก่

(1) น.ส.กมลรัตน์ คำชมภู (นายอดิลักษณ์ เผ่าจันทึก) เนื้อที่ 20 ไร่

(2) นางเพียงตะวัน เผ่าจันทึก เนื้อที่ 38-0-37 ไร่

(3) นายพนวรรฒห์ ศิริธนธิปชัยกูร (นางนิตยา สังเกตุกิจ) เนื้อที่ 15 ไร่

ทั้งนี้ส.ป.ก. นครราชสีมาแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลหมูสีปิดประกาศผลการคัดเลือกและอนุญาตฯ นายกิติศักดิ์ พรหมพินิจ ผู้ใหญ่บ้านบ้านเหวปลากั้ง หมู่ที่ 10 ส่งหนังสือถึงนายอัครเดช เรียนหิน ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมาเพื่อขอทราบตำแหน่งแปลงที่ดินและรูปแปลงของทั้ง 3 ราย ตามที่ออกประกาศเนื่องจากรายชื่อตามบัญชีดังกล่าวไม่ใช่ราษฎรในพื้นที่ของตน โดยวันที่ 18 ตุลาคม 2566 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส.ป.ก. นครราชสีมา กำนันตำบลหมูสี ผู้ใหญ่บ้านบ้านเหวปลากั้ง หมู่ที่ 10 ร่วมกันตรวจสอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่พบว่า มีการปักหมุดส.ป.ก. เข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติ 5 หมุด ระยะทางประมาณ 300 เมตร

ต่อมาวันที่ 20 ตุลาคม 2566 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทำหนังสือขอให้ส.ป.ก. นครราชสีมารื้อถอนหลักหมุดทั้ง 5 หมุดออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ จากนั้นวันที่ 31 ตุลาคม 2566 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทำหนังสือคัดค้านการปักหลักหมุด ส.ป.ก. ในเขตอุทยานแห่งชาติตามประกาศสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา

ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ตรวจยึดพื้นที่บุกรุก เนื้อที่ประมาณ 1-2-80 ไร่ซึ่งมีการปักหลักหมุดส.ป.ก. เข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติ 5 หมุด ระยะทางยาวประมาณ 300 เมตร โดยไม่พบบุคคลใดในที่เกิดเหตุ แจ้งความไว้ที่สภ. หมูสี

ส.ป.ก. นครราชสีมาออกประกาศสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง ผลการคัดเลือกและอนุญาตให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา (ประเภทแปลงเกษตรกรรม) ในพื้นที่หมู่ 10 บ้านเหวปลากั้งอีกครั้งใน 23 พฤศจิกายน 2566 เนื้อที่รวมประมาณ 72-2-27 ไร่ ปรากฏรายชื่อรวม 5 ราย 5 แปลงได้แก่

(1) น.ส.กมลรัตน์ คำชมภู เนื้อที่ 20-0-11 ไร่

(2) นางเพียงตะวัน เผ่าจันทึก เนื้อที่ 11-0-6 ไร่

(3) นายพนวรรท์ ศิริธนธิป (นิตยา สังเกตุกิจ) เนื้อที่ 15-0-49 ไร่

(4) นายกฤษณะ เล้งวิลาศ เนื้อที่ 10-3-56 ไร่

(5) นายศศิไกรวี กุลจิราช (นางสุกมรัตน์ กุลจิราช) เนื้อที่ 15-2-05 ไร่

จากนั้นวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ส.ป.ก. นครราชสีมาแจ้งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ว่า จากการตรวจสอบค่าพิกัดทั้ง 5 หมุดตามที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทำหนังสือให้รื้อถอนหลักหมุด พบว่า แปลงที่ดินตั้งอยู่ในพื้นที่ดำเนินการปฏิรูปที่ดิน ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน และอำเภอปากช่องให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2534 โดยแปลงที่ดินตั้งอยู่ในโครงการที่จำแนกฯ ป่าเขาใหญ่

ในวันที่ 23 มกราคม 2567 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ พร้อมด้วยนายสมฤกษ์ ศุภมิตรกฤษณา ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (สบอ. 1) (ปราจีนบุรี) นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และนายกิติศักดิ์ พรหมพินิจ ผู้ใหญ่บ้านบ้านเหวปลากั้ง หมู่ที่ 10 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่พบการบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ที่มีการฝังหลักหมุดและออกเอกสาร ส.ป.ก. 4-0 1 ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยผู้ใหญ่บ้านบ้านยืนยันว่า รายชื่อตามบัญชีคัดเลือกเกษตรกรให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินซึ่งส.ป.ก. นครราชสีมาได้ออกประกาศ 2 ครั้งคือ ครั้งที่ 1 ช่วงเดือน พฤศจิกายน 2566 จำนวน 3 ราย และครั้งที่ 2 ช่วงเดือนธันวาคม 2566 จำนวน 5 ราย ไม่ใช่ราษฎรที่อยู่ในพื้นที่

ทั้งนี้ผู้ใหญ่บ้านได้รับหนังสือ ส.ป.ก. นครราชสีมา แจ้งให้ปิดประกาศผลการคัดเลือกและอนุญาตฯ มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน ปรากฏรายชื่อรวม 3 ราย 3 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 73-0-37 ไร่ แต่ตนเองไม่ทราบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในตำแหน่งใดจึงได้ส่งหนังสือถึงนายอัครเดช เรียนหิน ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมาเพื่อขอทราบตำแหน่งแปลงที่ดินและรูปแปลงของทั้ง 3 ราย ตลอดจนประสานกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จึงทำให้ทราบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ส่วนการที่มีการออกเอกสารส.ป.ก.4-01 ให้แก่นายพนวรรฒท์ ศิริธนธิปชัยกูรนั้น ไม่ทราบและไม่เคยเข้าร่วมสำรวจพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ของส.ป.ก. นครราชสีมา รวมถึงไม่ได้ลงลายมือชื่อเพื่อรับรองหรือยืนยันรายชื่อเกษตรกรหรือรับรองพื้นที่แต่อย่างใด จาการตรวจสอบย้อนหลังยังพบว่า ส.ป.ก. นครราชสีมาออกเอกสารส.ป.ก.4-01 ให้แก่นายพนวรรฒห์ ศิริธนธิปชัยกูร อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 5 ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 โดยที่อุทยานแห่งชาติและผู้ใหญ่บ้านไม่ทราบอีกด้วย

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่รายงานต่ออธิบดีกรมอุทยานฯ ถึงเหตุการณ์บุกรุกพื้นที่ ฝังหลักหมุด และออกเอกสาร ส.ป.ก.4-01 ในท้องที่บ้านเหวปลากั้ง โดยระบุว่า แนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จะมีแนวถนนตรวจการณ์เป็นแนวยาวชัดเจน ราษฎรในพื้นที่ทราบดีว่า เป็นเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่พบหลักหมุดส.ป.ก. ฝังอยู่ 10 หมุดโดยขนานตามแนวถนนตรวจการณ์ ถนนดังกล่าวเป็นแนวเขตของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สภาพพื้นที่โดยส่วนใหญ่มีสภาพเป็นป่าดิบแล้งที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ และมีบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่เหมาะสำหรับเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและหากินของสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่า เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีสภาพป่าที่ไม่รกทึบจนเกินไป ไม่พบร่องรอยการใช้ประโยชน์ของมนุษย์

สำหรับพื้นที่ที่ถูกบุกรุกซึ่งนายพนวรรฒท์ ศิริธนธิปชัยกูรอ้างว่า มีเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าว ตามเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 แปลงเลขที่ 9 ระวาง ส.ป.ก. ที่ 5238ll5008 นั้น พบมีการติดป้ายบริเวณทางเข้าแปลงข้อความว่า “ประกาศ ที่ดินแปลงนี้มีเกษตรกรได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตามระเบียบ พระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรถูกต้องตามกฎหมาย ห้าม ผู้ใดเข้ามาคุกคามสิทธิโดยเด็ดขาด” พร้อมแสดงภาพเอกสาร ส.ป.ก.4-01 ที่ได้รับการอนุญาตจากปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา มีการปรับสภาพพื้นที่ด้วยการไถและดันต้นไม้ออกเพื่อเปิดพื้นที่ทำการเกษตร มีการปลูกต้นมะม่วง 20 ต้น ลักษณะต้นมะม่วงที่พบเป็นต้นไม้ที่เกิดจากกิ่งชำในกระถาง คาดว่า ซื้อมาจากร้านขายต้นไม้ เนื่องจากที่ตุ้มดินมีขุยมะพร้าวหุ้มอยู่และเขียนชนิดพันธุ์ของต้นมะม่วงไว้ที่ไม้ปักหลักของแต่ละต้น นอกจากนี้ยังพบกองมูลและร่องรอยการใช้ประโยชน์ของสัตว์ป่าเช่น ช้าง กระทิง เก้ง เป็นต้น

บริเวณท้ายแปลง พบหลักหมุด ส.ป.ก. 2 หมุด ระยะห่างประมาณ 6 เมตร เมื่อเล็งแนวเขตกลับไปยังหมุดส.ป.ก. บริเวณที่ขนานกับถนนตรวจการณ์ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า อาจเป็นการแบ่งแถวเพื่อทำถนนลงในพื้นที่ พร้อมสั่งการให้แจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าของแปลงเพิ่มเติมในความผิดตามพ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ในการทำไม้เนื่องจากมีการดันไม้ป่าในพื้นที่ล้มลงเป็นจำนวนมาก รวมถึงตรวจนับไม้ป่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในพื้นที่เพื่อเป็นข้อมูลไว้ด้วย

จากเหตุดังกล่าว ทำให้ในวันที่ 24 มกราคม 2567 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในพื้นที่คดีตรวจยึดจับกุมเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 ต่อนายพนวรรฒท์ ศิริธนธิปชัยกูรกับพวกรวม 5 คน ฐานความผิดตาม มาตรา 19 (2) และ 19 (6) พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และฐานความผิดตามมาตรา 11 69 และ 73 วรรค 2(1) พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 เนื่องจากในพื้นที่ปรากฏพบการกานต้นไม้ ถูกไถดัน ตัดทอน พบไม้กระถิ่นป่า 23 ท่อนและไม้สีเสียดแก่น 5 ท่อน ปริมาตรไม้รวม 2.289 ลบ.ม.

การตรวจสอบพบการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และการออกเอกสารส.ป.ก. 4-01 ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จึงนำมาสู่การแจ้งความกล่าวโทษผู้บุกรุก รวมถึงการขอให้สอบสวนการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของพนักงานเจ้าหน้าที่กรณีออกเอกสารส.ป.ก. 4-01 ภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องที่สนับสนุนให้เกิดการกระทำผิดต่อพนักงานสอบสวนและต่อป.ป.ช.- 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2

กทม. 18 มิ.ย.- ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2 ส่วนหน้าสโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต ขึ้นข้อความให้กำลังใจผ่านจอแอลอีดี ขณะที่เพจโซเชียลกองทัพ แห่โพสต์ข้อความ #ศักดิ์ศรีของทหาร 18 มิ.ย.68 ภายหลังจากที่มีคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลุดออกมา และมีการพูดถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กของหน่วยทหารต่างๆ อาทิ กรมกิจการพลเรือนทหารบก ได้โพสต์ข้อความว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรื่อง #ศักดิ์ศรีของทหาร 1. ทหาร คือ ผู้ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงจากประชาชนทั้งชาติ ให้เป็นสุภาพบุรุษ ถืออาวุธเพื่อป้องกันประเทศ 2. ทหาร เป็นผู้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อความผาสุกของประชาชนและความอยู่รอดของชาติ 3. ทหาร คือ ผู้ที่รักและบูชาเกียรติยศมากกว่าเงิน นอกจากนี้ เพจ Smart Soldiers Strong […]

“อนุทิน” บอก “จบแล้วครับนาย” ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู

กทม. 18 มิ.ย.-“อนุทิน” สั่ง จนท.ขนของออกจากกระทรวง บอก “จบแล้วครับนาย” ไม่ต้องคุยนายกฯ หลัง “หมอมิ้ง” ยื่นไพ่ใบสุดท้าย ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู เตรียมซ้อมกับ “ไอซ์ รักชนก” เวลา 13.35 น. วันที่ 18 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังนายกฯ ระบุว่ายังไม่แจ้งเงื่อนไขการปรับ ครม. ว่า ตนยังไม่ได้ยิน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเราก็บอกท่าทีเราไปแล้ว เมื่อถามว่า การขนของออกจากห้องทำงาน ถือเป็นการปิดประตูเจรจาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ ชัดเจนแล้วว่า เราคงไม่ได้เปลี่ยนอะไร และ นพ.พรหมินทร์ ได้ย้ำเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นแบบนี้ เมื่อถามต่อว่า ต้องคุยกับนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายกฯ และเมื่อวาน […]

“ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงฉบับเต็ม 17 นาที

กัมพูชา 18 มิ.ย. – “ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงคุย “แพทองธาร” ฉบับเต็ม 17 นาที เผยบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส ส่งต่อให้บุคคลอื่นราว 80 คน เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียล มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเย็นวันที่ 15 มิถุนายน ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 17 นาที 6 วินาที โดยมีนายเคลียง ฮวต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ซึ่งตามปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือตีความหมายผิดในเรื่องที่เป็นทางการ จึงจำเป็นต้องทำการบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในของกัมพูชาด้วย และจากนั้นเป็นต้นมา ตนเอง ก็ได้แชร์เทปเสียงสนทนานี้ให้กับบุคคลอื่นๆ ราว 80 คน ที่รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค คณะทำงานวุฒิสภา หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการต่างประเทศ หน่วยงานด้านการศึกษาและการเข้าถึงกลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีบางคนที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทย ฮุน เซนโพสต์ต่อว่า “แต่หลังจากการสนทนาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยกลับออกมากล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่าทำงานการเมืองอย่างไม่เป็นมืออาชีพ และขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิใจไทย” มีมติถอนตัวร่วมรัฐบาล จี้นายกฯ รับผิดชอบ​ทำไทยเสียเกียรติ

กทม. 18 มิ.ย.-“ภูมิใจไทย” มีมติถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีร่อนใบลาออก มีผล 19 มิ.ย. จี้นายกฯ รับผิดชอบ​ ทำไทยเสียเกียรติ-ศักดิ์ศรี จากกรณีคลิปเสียงสนทนา “ฮุน ​เซน​” พร้อมร่วมมือประชาชน-กองทัพ รักษาอธิปไตยไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.39 น. วันนี้ พรรคภูมิใจไทย ได้ออกแถลงการณ์​ ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2568​ ระบุถึงกรณีการโทรศัพท์เจรจาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน​ ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีผลกระทบต่ออธิปไตย ดินแดน ผลประโยชน์ของประเทศไทย และ​กองทัพไทย ตามที่ประชาชนได้รับทราบแล้วนั้น พรรคภูมิใจไทย ขอเรียนว่า กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ได้ประชุมพิจารณาถึงกรณีที่เกิดขึ้น และมีมติให้พรรคภูมิใจไทย ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทุกคน ได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลวันที่ 19 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป พรรคภูมิใจไทย ขอเรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร […]

เปิดขุมทรัพย์ช่องจอม รังใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์

สุรินทร์ 18 มิ.ย. – จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จ.สุรินทร์ เป็น 1 ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ไม่เพียงตอบโต้กันในมิติทางเศรษฐกิจ แต่กระทบกระทั่งในมิติความมั่นคง ทั้งเรื่องพื้นที่ทับซ้อน และแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติที่เมืองโอร์เสม็ด จังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ถูกจับตาว่าเป็นฐานใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ .-สำนักข่าวไทย

“ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงฉบับเต็ม 17 นาที

กัมพูชา 18 มิ.ย. – “ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงคุย “แพทองธาร” ฉบับเต็ม 17 นาที เผยบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส ส่งต่อให้บุคคลอื่นราว 80 คน เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียล มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเย็นวันที่ 15 มิถุนายน ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 17 นาที 6 วินาที โดยมีนายเคลียง ฮวต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ซึ่งตามปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือตีความหมายผิดในเรื่องที่เป็นทางการ จึงจำเป็นต้องทำการบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในของกัมพูชาด้วย และจากนั้นเป็นต้นมา ตนเอง ก็ได้แชร์เทปเสียงสนทนานี้ให้กับบุคคลอื่นๆ ราว 80 คน ที่รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค คณะทำงานวุฒิสภา หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการต่างประเทศ หน่วยงานด้านการศึกษาและการเข้าถึงกลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีบางคนที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทย ฮุน เซนโพสต์ต่อว่า “แต่หลังจากการสนทนาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยกลับออกมากล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่าทำงานการเมืองอย่างไม่เป็นมืออาชีพ และขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก […]

มทภ.2 ไม่ติดใจนายกฯ ปมคลิปเสียง ขอทำเพื่อชาติ-ปชช.

อีสาน 18 มิ.ย.- “พล.ท.บุญสิน” มทภ.2 ไม่ติดใจ “นายกฯ อิ๊งค์” ปมคลิปเสียง ขอทำงานเพื่อชาติ-ประชาชน พร้อมเดินทางเยี่ยมลูกน้องบาดเจ็บจากภารกิจชายแดน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โทรมาปรับความเข้าใจ พร้อมทั้งอธิบายเนื้อหาในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน เพื่อต้องการให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เบาบางลง เป็นการพูดคุยกันหลังบ้าน โดยตนได้บอกกับนายกฯ ไปว่า “ผมไม่มีอะไรครับ ผมเข้าใจ” ทั้งนี้ นายกฯ ได้ขอบคุณที่เข้าใจ ถือว่าคุยแล้วเข้าใจแล้ว ก็ไม่ติดใจอะไร ตนทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของพี่น้องประชาชน พล.ท.บุญสิน ยังระบุต่อว่า วันนี้กำลังเดินทางไปเยี่ยมผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับบาดเจ็บจากภารกิจชายแดน ตนทำงานตามปกติ ไม่มีอะไร.-313.-สำนักข่าวไทย