ชลบุรี 14 ส.ค. – กรมอุทยานฯ แจ้งผลชันสูตรเบื้องต้นถึงสาเหตุการล้มของ “ตุลา” ลูกช้างป่าพลัดหลง เกิดจากภาวะบาดเจ็บรุนแรงของกระดูกต้นขาหน้าทั้ง 2 ขาที่หัก ทำให้เกิดการช็อกตามมา
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลชันสูตรสาเหตุการล้มของลูกช้างป่า “ตุลา” จากนายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ว่า เกิดจากภาวะช็อก โดยเมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 13 สิงหาคม 2566 สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) เข้าช่วยเหลือลูกช้างป่าในการพยุงตัวลุกยืน หลังจากที่น้องนอนในเวลากลางคืน แล้วไม่สามารถลุกยืนได้
ก่อนหน้านี้สัตวแพทย์ตรวจพบว่า “ตุลา” มีอาการป่วยด้วยภาวะโรคกระดูกบาง (Metabolic bone disease) จึงรักษาโรคกระดูกบาง ร่วมกับเฝ้าระวังและติดตามอาการของการใช้ขาของลูกช้างป่ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
เมื่อลูกช้างลุกขึ้นเองไม่ได้จึงเข้าช่วยเหลือโดยการใช้เครนยกตัวเข้าช่วยพยุงตัวให้ยืนขึ้น หลังจากนั้นสัตวแพทย์ได้ตรวจร่างกายพบว่า ขาหน้าทั้ง 2 ข้างมีอาการอ่อนแรง บวม ข้อเท้าขาหน้าทั้ง 2 ข้างงอ ไม่ขยับเดิน จึงให้ยาลดปวด ลดอักเสบ และพันขาลดการปวดการอักเสบ
ตลอดวานนี้ “ตุลา” ไม่สามารถใช้ขาช่วยพยุงตัวให้ยืนได้ จึงให้นอนพัก โดยเจ้าหน้าที่ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
จนกระทั่งเวลา 18.00 น. ลูกช้างเริ่มมีอาการหายใจช้าลง ลิ้นเริ่มซีด และมีภาวะหัวใจหยุดเต้น สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จึงทำ CPR เพื่อกระตุ้นการหายใจ แต่ไม่มีตอบสนอง และจากไปในเวลาต่อมา
สัตวแพทย์ลงความเห็นเบื้องต้นถึงสาเหตุการล้มว่า เกิดการภาวะบาดเจ็บรุนแรงของกระดูกต้นขาหน้าทั้ง 2 ขา หัก (Humerus fracture) ทำให้เกิดการช็อกตามมา (Pain shock)
วันนี้สัตวแพทย์จะชันสูตรเพื่อหาสาเหตุและเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางปฏิบัติการเพื่อยืนยันถึงสาเหตุการล้มที่แน่ชัด
เมื่อคืนที่ผ่านมา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีเพื่อส่งดวงวิญญาณให้ “ตุลา” ลูกช้างป่าพลัดหลงที่สร้างความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ รวมถึงปลูกสำนึกในความรักและความเอาใจใส่ต่อสัตว์ให้แก่คนไทยตลอด 10 เดือนนับตั้งแต่พลัดหลงเข้ามายังฐานทหารพรานนาวิกโยธินที่ฐานทุ่งกร่าง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2565
ด้านนายเผด็จ ลายทอง ผู้อำนวยสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ร่วมกับทีมสัตวแพทย์ทำการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุและเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางปฏิบัติการเพื่อยืนยันถึงสาเหตุการเสียชีวิต ปรากฏว่า สาเหตุหลักในการเสียชีวิต เกิดจากสภาวะกระดูกบางทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณขาหน้า (ด้านบน) ทั้งสองข้าง พบการสลายของกระดูก ทำให้กระดูกแตกหักละเอียด ผิดรูป ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการไม่ล้มตัวลงนอน และเล่นกับพี่เลี้ยงตามปกติ อวัยวะภายในร่างกายพบว่า ลำไส้มีความแดงผิดปกติ และสัตวแพทย์ได้ทำการเก็บตัวอย่างอวัยวะทั้งหมด รวมถึงกระดูก ส่งทางห้องปฏิบัติการ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ศูนย์พัฒนาการทางสัตวแพทย์ภาคตะวันออก กรมปศุสัตว์
ช้างป่า “ตุลา” เป็นลูกช้างป่าพลัดหลง ที่ทหารพรานนาวิกโยธิน พบที่บริเวณฐานฯ ทุ่งกร่าง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2565 ขณะนั้นมีอายุประมาณ 1-2 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่ร่วมกันตั้งชื่อลูกช้างป่าตัวนี้ว่า “เจ้าตุลา” ตามเดือนที่พบเจอ ขณะที่พบลูกช้างมีอาการอ่อนแอ สัตวแพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และได้รับการสนับสนุนน้ำนมช้างจากแม่ช้าง 4 เชือกที่เพิ่งตกลูกจากสวนนงนุชพัทยามาให้ลูกช้างกิน ตลอดจนการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมสัตวแพทย์และทีมพี่เลี้ยง โดยทีมสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจสุขภาพลูกช้างป่า (ตุลา) พบว่าลูกช้างป่า (ตุลา) ป่วยเป็นโรคติดเชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัสในช้าง (EEHV) ทีมสัตวแพทย์จึงรักษาโดยการให้ยาต้านไวรัสแบบกินเพื่อรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก จนทำให้ตุลาเริ่มมีสุขภาพแข็งแรง มีสุขภาพดี และเป็นช้างอารมณ์ดีขึ้น ขี้เล่น จนเป็นขวัญใจคนรักสัตว์
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมดำเนินการเคลื่อนย้ายลูกช้างป่า “ตุลา” จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทบุรี มายังศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) มีพื้นที่ที่เหมาะสม โดยที่ผ่านมากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้จัดทีมสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่ และพี่เลี้ยง ดูแลอาการช้างป่า “ตุลา” อย่างใกล้ชิดมาตลอด นานถึง 10 เดือน และได้จากไปในที่สุด. – สำนักข่าวไทย