กรุงเทพฯ 17 ก.ค.- อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาคาด พายุโซนร้อน “ตาลิม” จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณรอยต่อระหว่างชายแดนประเทศจีนและเวียดนามตอนบนเย็นวันที่ 18 ก.ค. 66 และจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว แต่จะทำให้ภาคเหนือและอีสานตอนบนมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ย้ำตั้งแต่ 17-20 ก.ค. ทุกภาคของไทยจะมีฝนตกเพิ่ม โดยต้องเฝ้าระวัง 64 จังหวัดที่จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (17 ก.ค.) พายุโซนร้อนกำลังแรง “ตาลิม” (TALIM) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.4 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางตะวันตกเล็กน้อยด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำและขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนเย็นวันที่ 18 ก.ค. และจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีภูเขาสูงและมวลอากาศเย็นเป็นอุปสรรค แต่ยังทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ โดยต้องเฝ้าระวังและติดตามเป็นระยะๆ เนื่องจากทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุยังอาจเปลี่ยนแปลงได้
แม้พายุจะไม่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ระหว่างวันที่ 17 -24 ก.ค. จะมีฝนเพิ่มขึ้น17 -24 ก.ค.66 เป็นช่วงที่ประเทศไทยจะฝนจะเพิ่มขึ้น ฝนยังเกิดขึ้นจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และร่องมรสุมที่พาดผ่าน โดยพายุจะช่วยดึงมรสุมให้มีกำลังแรงขึ้น
ขณะนี้ได้ออกประกาศเตือนให้เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งรวม 64 จังหวัดระหว่างวันที่ 17-20 ก.ค. เนื่องจากอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มดังนี้
วันที่ 17 ก.ค.
ภาคเหนือได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน ตาก และกำแพงเพชร
ภาตตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ จังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ดยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลางได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออกได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
วันที่ 18 ก.ค.
ภาคเหนือได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก และกำแพงเพชร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหารมหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลางได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสาคร
รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออกได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล
วันที่ 19-20 ก.ค.
ภาคเหนือได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก พิจิตรพิษณุโลก และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหารขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลางได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยาสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออกได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครตรีอรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล
พร้อมกันนี้เตือนว่า ระหว่างวันที่ 17 – 24 ก.ค. คลื่นลมในทะเลทั้ง 2 ฝั่ง มีกำลังแรงขึ้นตลอดสัปดาห์ ชาวเรือและชาวประมงเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
กรมอุตุนิยมวิทยาขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย
