สิงคโปร์ 9 มิ.ย. – ไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศ เรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 24 เดินหน้าผลักอาเซียนปลอดหมอกควัน โดยจะจัดตั้งศูนย์ประสานงานกลางเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาคอาเซียนขึ้นที่อินโดนีเซีย ซึ่งประเทศสมาชิกจะลงนามร่วมและเริ่มดำเนินงานได้ในช่วงปลายปี 2566 นี้
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศ เรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 24 (24th MSC) ซึ่งคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศบรูไนดารุสซาลาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวมถึงสำนักเลขาธิการอาเซียน ณ สิงคโปร์ เพื่อสรุปสถานการณ์และการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาคอาเซียนตอนล่าง
ที่ประชุมได้รายงานถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานกลาง ASEAN Coordinating Centre for Transboundary Haze Pollution Control ณ ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อประสานการดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาคอาเซียน โดยอินโดนีเซียได้รายงานแผนการจัดตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าวว่า จะให้มีการลงนามกับประเทศสมาชิกในการจัดตั้งศูนย์ฯ และจะให้มีเริ่มการดำเนินงานของศูนย์ดังกล่าวได้ในช่วงปลายปี 2566 นี้
สำหรับประเทศไทย ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงความสำเร็จในการดำเนินงานป้องกันปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง 3 ปี ซึ่งค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ไม่เกินค่ามาตรฐานในช่วงเวลาที่เฝ้าระวัง อย่างไรก็ตามประเทศไทยได้เตรียมรับมือปัญหาในปี 2566 โดยดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 นอกจากนี้ประเทศไทยยังได้รายงานการสร้างความร่วมมือของประเทศในอนุภูมิภาคแม่โขง ซึ่งนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพการประชุมระดับผู้นำสามฝ่ายระหว่างไทย–สปป.ลาว–เมียนมา เพื่อหารือแนวทางการจัดการปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดนร่วมกันโดยใช้ “ยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR Sky Strategy)” ที่เสนอโดยประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดนที่เกิดขึ้น และประเทศไทยได้สนับสนุนการเสริมสร้างศักยภาพการจัดการปัญหาการเผาในที่โล่งให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านการอบรมการจัดการหมอกควันข้ามแดนให้เมียนมาและสปป.ลาว เมื่อวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ประเทศไทยได้ขอให้สิงคโปร์แลกเปลี่ยนเรียนรู้การกำหนดระเบียบข้อบังคับ ในการควบคุมการเผาในที่โล่งจากการประกอบกิจการ เพื่อควบคุมปัญหาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยประเทศไทยจะได้นำองค์ความรู้ที่ได้รับไปขยายผลในอนุภูมิภาคแม่โขงต่อไป.- สำนักข่าวไทย