จับขบวนการลักลอบทำไม้กฤษณาข้ามชาติในป่าภูเขียว จ. ชัยภูมิ

กรุงเทพฯ 22 มี.ค. – อธิบดีกรมอุทยานฯ เผย จับกุมขบวนการลักลอบทำไม้กฤษณาข้ามชาติในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ได้ผู้ต้องหาเป็นชายชาวเวียดนาม 6 คน พร้อมไม้กฤษณา 173 กิโลกรัม พบความเชื่อมโยงกับการกระทำผิดหลายกรณีก่อนหน้านี้ เตรียมเสนออัยการสูงสุดรับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ยกระดับการปราบปรามและทลายขบวนการองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งเข้ามาทำลายทรัพยากรธรรมชาติในประเทศไทย


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ จับกุมกลุ่มขบวนการต่างชาติลักลอบทำไม้กฤษณาในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิได้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 21.30 น.

ผู้กระทำผิดที่ถูกจับกุมเป็นชายชาวเวียดนาม 6 คน ประกอบด้วย


  1. นาย แดง เฮียบ (Dang Hiep)
  2. นาย ทราน เคา กวง (Tran Cao Cuong)
  3. นาย เหงียน วัน บินห์ (Nguyen Van Binh)
  4. นาย ฮวง วัน บา (Hoang Van Ba)
  5. นาย ฮวง วัน อัน (Hoang Van An)
  6. นาย ฮวง ชวน ฟาน (Hoang Xuan Van)

พร้อมของกลางเป็นชิ้นไม้กฤษณา 173 กิโลกรัมจึงได้แจ้งความกลุ่มคนดังกล่าวในฐานความผิดทั้งสิ้น 9 ข้อหา ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507

ทั้งนี้ทราบต่อมาว่า ผู้ต้องหาเกือบทั้งหมดมาจากจังหวัดก๋วงบินห์ (Quang Binh) ประเทศเวียดนาม มีเพียงนาย แตง เฮียบที่มาจากจังหวัดฮาติน (Ha Tinh)

สำหรับการจับกุมครั้งนี้เป็นการขยายผลจากการจับกุมชาวเวียดนาม 4 คนที่เข้ามาลักลอบหาไม้กฤษณาในพื้นที่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 โดยเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวลาดตระเวนพบ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าเข้าตรวจค้น กลุ่มชายดังกล่าวกลับได้หลบหนีไป ในเกิดเหตุได้พบชิ้นไม้กฤษณา 64.8 กิโลกรัม และหนังสือเดินทางของชาวเวียดนามจากจังหวัดก๋วงบินห์ 1 เล่ม


ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนได้ลาดตระเวนในพื้นที่จนพบแคมป์ที่พักและร่องรอยการทำไม้กฤษณา จึงได้ดักซุ่มรอจนพบกับกลุ่มชาย 4 คนและสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ 1 คน พร้อมชิ้นไม้กฤษณา 20 กิโลกรัม ส่วนอีก 3 คนหลบหนีไปได้ เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า เป็นชาวเวียดนามจากจังหวัดก๋วงบินห์

นายอรรถพลกล่าวว่า การสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมขบวนการลักลอบทำไม้กฤษณา เป็นการปฏิบัติงานร่วมระหว่างสำนักงานต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย กองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา ชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ) โดยการสนับสนุนจาก กรมบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำและสัตว์ป่า สหรัฐอเมริกา (United States Fish and Wildlife Senvice หรือ FWS) สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ซึ่งยังคงเร่งติดตามผู้กระทำผิดที่หลบหนีอยู่

ทั้งนี้ ชุดปฏิบัติการร่วมได้รวบรวมข่าวสารจากแหล่งข่าวต่างๆ หลายมิติตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 จนกระทั่งนำมาสู่การพิสูจน์ทราบกลุ่มกระทำความผิดลักลอบตัดไม้กฤษณาในพื้นที่ จึงได้เปิดปฏิบัติการค้นหา ลาดตระเวนกดดัน และสกัดกั้นทั้งในพื้นที่และบริเวณกล้เคียงโดยรอบ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 พบชายต้องสงสัย 1 คน สะพายเป้ถุงปุ๋ยท่าทางมีพิรุธ จึงได้เข้าควบคุมตัวและพบเป็นชาวเวียดนามซึ่งมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการหาไม้กฤษณา

จนกระทั่งวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการได้ติดตามรถยนต์ต้องสงสัยจนสามารถจับกุมขบวนการลักลอบทำไม้พร้อมของกลางได้ 6 คนดังกล่าว โดยผู้ต้องหา 1 รายในกลุ่มนี้ยังเป็นผู้ต้องหาในคดีเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ที่หลบหนีการเข้าควบคุมตัวคราวก่อนด้วย

เมื่อวิเคราะห์และเชื่อมโยงแผนประทุษกรรมพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้กระทำความผิดรายอื่นในประเทศไทยในอดีตที่ผ่านมาด้วย ทั้งคดีการล่าและค้าสัตว์ป่าหายาก การทำไม้กฤษณาและไม้มีค่าอื่นๆ โดยชาวต่างชาติ ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลของฝ่ายพัฒนาฐานข้อมูลอาชญากรรมสัตว์ป่า สำนักงานต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย พบว่าตั้งปี 2552 ถึงปัจจุบันมีชาวเวียดนามจาก จังหวัดก๋วงบินห์ เข้ามาทำไม้กฤษณา บางส่วนเข้ามาล่าและค้าเสือโคร่งในประเทศไทยถึง 41 ราย และเข้าไปทำไม้กฤษณาและล่าและค้าเสือโคร่งในประเทศมาเลเซียถึง 23 รายด้วยกัน

นายอรรถพลกล่าวว่า เตรียมทำหนังสือเสนอไปยังสำนักการอัยการสูงสุด เพื่อรับพิจารณาเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 เพื่อยกระดับในการสืบสวน สอบสวน เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมมาดำเนินการตามกฎหมายและทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งเข้ามาทำลายทรัพยากรธรรมชาติและความมั่นคงทางระบบนิเวศในประเทศไทย

นายอรรถพลกล่าวว่า ปัจจุบันแม้จะมีการปลูกสวนบำไม้กฤษณาเพื่อเป็นการใช้ประโยชน์ในการนำมากลั่นเป็นหัวน้ำหอมแล้ว แต่การลักลอบหาไม้กฤษณาถือว่า เป็นภัยคุกคามรุนแรงในพื้นที่อนุรักษ์ทั่วประเทศ เพราะการตัดโค่นหาไม้กฤษณาผู้กระทำผิดจะต้องโค่นไม้กฤษณาลงทั้งต้นเพื่อหาเฉพาะขึ้นไม้ที่มีสารกฤษณาหรือสารหอมระเหยเท่านั้น แต่ต้องแลกกับการตัดโค่นไม้ลงทั้งต้น จึงเป็นการทำลายทรัพยากรป่าไม้โดยตรง อีกทั้งการเข้าไปของผู้กระทำผิดก็ยังมีการบุกรุก แผ้วถาง ตัดไม้ หรือล่าสัตว์อื่นๆ ด้วย ซึ่งทำเกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศในพื้นที่ หากสามารถนำออกมาจำหน่ายให้แก่ผู้รับซื้อได้ก็ยากต่อการตรวจสอบ ทำให้เกิดเป็นเครือข่ายขบวนการในการลักลอบกระทำผิด ดังนั้นกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ให้ยังประโยชน์แก่ชนชาวไทยทุกคน จึงให้ความสำคัญในการปราบปรามเพื่อหยุดยั้งการกระทำผิดดังกล่าว ตลอดจนเป็นการอนุรักษ์ไม้กฤษณาในป่าธรรมชาติเพื่อเป็นแหล่งสายพันธุ์และแหล่งแม่ไม้ที่จะสามารถพัฒนาไม้เศรษฐกิจในอนาคต

สำหรับฐานความผิดขบวนการลักลอบทำไม้กฤษณา มีดังนี้

– ความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562

  • 1. ฐานร่วมกันเข้าไปในขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 53 และมาตรา 96 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • 2. ฐานร่วมกันทำด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิม ตามมาตรา 55 (2) และมาตรา 99 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปีหรือปรับตั้งแต่แสนบาทถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • 3. ฐานร่วมกันกับพวก เก็บหานำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ที่เป็นอันตราย หรือ ทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ หรือความหลากหลายทางชีวภาพ ตามมาตรา 55 (5) และมาตรา 100 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • 4. ฐานร่วมกันกับพวก กระทำการหรืองดเว้นกระทำการไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ผู้นั้นต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น ตามมาตรา 87

– ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484

  • 5. ฐานร่วมกันกับพวกเก็บหาของป่าหวงห้าม หรือทำอันตรายด้วยประการใดๆ แก่ของป่าหวงห้ามในป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 29 และมาตรา 71 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • 6. ฐานร่วมกันกับพวกค้าของป่าหวงห้ามหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งของป่าหวงห้ามเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 29 ทวิ และมาตรา 71 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • 7. ฐานร่วมกันกระทำตัวยประการใด (อันเป็นการทำลายป่า ตามมาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท

– ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507

  • 8. ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 14 และมาตรา 31 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเตือนถึงห้าปีและปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงห้าหมื่นบาท
  • 9. ผู้ใดกระทำหรือละเว้นกระทำด้วยประการใด โดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือเป็นเหตุให้เกิดการทำลาย หรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผู้นั้นมีหน้าที่รับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น ตามมาตรา 26/4.-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

พระเปย์สีกา ช่องโหว่ผลประโยชน์ในดงขมิ้น

รองเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในมหาสารคาม ขอลาสิกขากลางดึก หลังถูกแฉ เป็นพระปลัดใจป๋า เปย์สีกาไม่อั้น ขณะที่รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สั่งตรวจสอบว่า เป็นเงินส่วนตัว หรือ เงินวัด เพราะจะมีความผิดแตกต่างกัน

“สันธนะ” เปิดใจหลังเคลียร์ใจ “ชูวิทย์” กลับไทยขึ้นศาล

“สันธนะ” เผย นอนคิดมา 1 คืนเริ่มใจอ่อนรับคำขอโทษ “ชูวิทย์” รับรู้ถึงความจริงใจ แต่คดีอาญาถอนฟ้องไม่ได้ ต้องปล่อยไปตามกฎหมาย

โผล่อีก! ผู้เสียหายถูก “หมอดูฮวงจุ้ย” คนดังหลอก

เหยื่อโผล่เพิ่ม ถูกหมอดูฮวงจุ้ยคนดัง หลอกปรับฮวงจุ้ยบ้าน สูญเงิน 350,000 บาท มอบหมายทนายส่งเรื่องฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญา

จนท.รุดช่วยอดีตครูจำใจสร้างห้องขังลูกติดยา

หลายหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยอดีตครูจำใจสร้างห้องลูกกรง เตรียมขังลูกชายตกเป็นทาสยาเสพติด-พนันออนไลน์ บำบัดนับสิบครั้งไม่หาย พร้อมทำความเข้าใจผิดกฎหมายหน่วงเหนี่ยวกักขัง ขณะที่ รมว.ยุติธรรม เตรียมพิจารณาออกมาตรการบำบัดซ้ำโดยคำสั่งศาล