จับขบวนการลักลอบทำไม้กฤษณาข้ามชาติในป่าภูเขียว จ. ชัยภูมิ

กรุงเทพฯ 22 มี.ค. – อธิบดีกรมอุทยานฯ เผย จับกุมขบวนการลักลอบทำไม้กฤษณาข้ามชาติในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ได้ผู้ต้องหาเป็นชายชาวเวียดนาม 6 คน พร้อมไม้กฤษณา 173 กิโลกรัม พบความเชื่อมโยงกับการกระทำผิดหลายกรณีก่อนหน้านี้ เตรียมเสนออัยการสูงสุดรับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ยกระดับการปราบปรามและทลายขบวนการองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งเข้ามาทำลายทรัพยากรธรรมชาติในประเทศไทย


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ จับกุมกลุ่มขบวนการต่างชาติลักลอบทำไม้กฤษณาในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิได้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 21.30 น.

ผู้กระทำผิดที่ถูกจับกุมเป็นชายชาวเวียดนาม 6 คน ประกอบด้วย


  1. นาย แดง เฮียบ (Dang Hiep)
  2. นาย ทราน เคา กวง (Tran Cao Cuong)
  3. นาย เหงียน วัน บินห์ (Nguyen Van Binh)
  4. นาย ฮวง วัน บา (Hoang Van Ba)
  5. นาย ฮวง วัน อัน (Hoang Van An)
  6. นาย ฮวง ชวน ฟาน (Hoang Xuan Van)

พร้อมของกลางเป็นชิ้นไม้กฤษณา 173 กิโลกรัมจึงได้แจ้งความกลุ่มคนดังกล่าวในฐานความผิดทั้งสิ้น 9 ข้อหา ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507

ทั้งนี้ทราบต่อมาว่า ผู้ต้องหาเกือบทั้งหมดมาจากจังหวัดก๋วงบินห์ (Quang Binh) ประเทศเวียดนาม มีเพียงนาย แตง เฮียบที่มาจากจังหวัดฮาติน (Ha Tinh)

สำหรับการจับกุมครั้งนี้เป็นการขยายผลจากการจับกุมชาวเวียดนาม 4 คนที่เข้ามาลักลอบหาไม้กฤษณาในพื้นที่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 โดยเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวลาดตระเวนพบ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าเข้าตรวจค้น กลุ่มชายดังกล่าวกลับได้หลบหนีไป ในเกิดเหตุได้พบชิ้นไม้กฤษณา 64.8 กิโลกรัม และหนังสือเดินทางของชาวเวียดนามจากจังหวัดก๋วงบินห์ 1 เล่ม


ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนได้ลาดตระเวนในพื้นที่จนพบแคมป์ที่พักและร่องรอยการทำไม้กฤษณา จึงได้ดักซุ่มรอจนพบกับกลุ่มชาย 4 คนและสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ 1 คน พร้อมชิ้นไม้กฤษณา 20 กิโลกรัม ส่วนอีก 3 คนหลบหนีไปได้ เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า เป็นชาวเวียดนามจากจังหวัดก๋วงบินห์

นายอรรถพลกล่าวว่า การสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมขบวนการลักลอบทำไม้กฤษณา เป็นการปฏิบัติงานร่วมระหว่างสำนักงานต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย กองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา ชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ) โดยการสนับสนุนจาก กรมบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำและสัตว์ป่า สหรัฐอเมริกา (United States Fish and Wildlife Senvice หรือ FWS) สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ซึ่งยังคงเร่งติดตามผู้กระทำผิดที่หลบหนีอยู่

ทั้งนี้ ชุดปฏิบัติการร่วมได้รวบรวมข่าวสารจากแหล่งข่าวต่างๆ หลายมิติตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 จนกระทั่งนำมาสู่การพิสูจน์ทราบกลุ่มกระทำความผิดลักลอบตัดไม้กฤษณาในพื้นที่ จึงได้เปิดปฏิบัติการค้นหา ลาดตระเวนกดดัน และสกัดกั้นทั้งในพื้นที่และบริเวณกล้เคียงโดยรอบ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 พบชายต้องสงสัย 1 คน สะพายเป้ถุงปุ๋ยท่าทางมีพิรุธ จึงได้เข้าควบคุมตัวและพบเป็นชาวเวียดนามซึ่งมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการหาไม้กฤษณา

จนกระทั่งวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการได้ติดตามรถยนต์ต้องสงสัยจนสามารถจับกุมขบวนการลักลอบทำไม้พร้อมของกลางได้ 6 คนดังกล่าว โดยผู้ต้องหา 1 รายในกลุ่มนี้ยังเป็นผู้ต้องหาในคดีเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ที่หลบหนีการเข้าควบคุมตัวคราวก่อนด้วย

เมื่อวิเคราะห์และเชื่อมโยงแผนประทุษกรรมพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้กระทำความผิดรายอื่นในประเทศไทยในอดีตที่ผ่านมาด้วย ทั้งคดีการล่าและค้าสัตว์ป่าหายาก การทำไม้กฤษณาและไม้มีค่าอื่นๆ โดยชาวต่างชาติ ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลของฝ่ายพัฒนาฐานข้อมูลอาชญากรรมสัตว์ป่า สำนักงานต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย พบว่าตั้งปี 2552 ถึงปัจจุบันมีชาวเวียดนามจาก จังหวัดก๋วงบินห์ เข้ามาทำไม้กฤษณา บางส่วนเข้ามาล่าและค้าเสือโคร่งในประเทศไทยถึง 41 ราย และเข้าไปทำไม้กฤษณาและล่าและค้าเสือโคร่งในประเทศมาเลเซียถึง 23 รายด้วยกัน

นายอรรถพลกล่าวว่า เตรียมทำหนังสือเสนอไปยังสำนักการอัยการสูงสุด เพื่อรับพิจารณาเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 เพื่อยกระดับในการสืบสวน สอบสวน เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมมาดำเนินการตามกฎหมายและทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งเข้ามาทำลายทรัพยากรธรรมชาติและความมั่นคงทางระบบนิเวศในประเทศไทย

นายอรรถพลกล่าวว่า ปัจจุบันแม้จะมีการปลูกสวนบำไม้กฤษณาเพื่อเป็นการใช้ประโยชน์ในการนำมากลั่นเป็นหัวน้ำหอมแล้ว แต่การลักลอบหาไม้กฤษณาถือว่า เป็นภัยคุกคามรุนแรงในพื้นที่อนุรักษ์ทั่วประเทศ เพราะการตัดโค่นหาไม้กฤษณาผู้กระทำผิดจะต้องโค่นไม้กฤษณาลงทั้งต้นเพื่อหาเฉพาะขึ้นไม้ที่มีสารกฤษณาหรือสารหอมระเหยเท่านั้น แต่ต้องแลกกับการตัดโค่นไม้ลงทั้งต้น จึงเป็นการทำลายทรัพยากรป่าไม้โดยตรง อีกทั้งการเข้าไปของผู้กระทำผิดก็ยังมีการบุกรุก แผ้วถาง ตัดไม้ หรือล่าสัตว์อื่นๆ ด้วย ซึ่งทำเกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศในพื้นที่ หากสามารถนำออกมาจำหน่ายให้แก่ผู้รับซื้อได้ก็ยากต่อการตรวจสอบ ทำให้เกิดเป็นเครือข่ายขบวนการในการลักลอบกระทำผิด ดังนั้นกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ให้ยังประโยชน์แก่ชนชาวไทยทุกคน จึงให้ความสำคัญในการปราบปรามเพื่อหยุดยั้งการกระทำผิดดังกล่าว ตลอดจนเป็นการอนุรักษ์ไม้กฤษณาในป่าธรรมชาติเพื่อเป็นแหล่งสายพันธุ์และแหล่งแม่ไม้ที่จะสามารถพัฒนาไม้เศรษฐกิจในอนาคต

สำหรับฐานความผิดขบวนการลักลอบทำไม้กฤษณา มีดังนี้

– ความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562

  • 1. ฐานร่วมกันเข้าไปในขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 53 และมาตรา 96 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • 2. ฐานร่วมกันทำด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิม ตามมาตรา 55 (2) และมาตรา 99 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปีหรือปรับตั้งแต่แสนบาทถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • 3. ฐานร่วมกันกับพวก เก็บหานำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ที่เป็นอันตราย หรือ ทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ หรือความหลากหลายทางชีวภาพ ตามมาตรา 55 (5) และมาตรา 100 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • 4. ฐานร่วมกันกับพวก กระทำการหรืองดเว้นกระทำการไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ผู้นั้นต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น ตามมาตรา 87

– ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484

  • 5. ฐานร่วมกันกับพวกเก็บหาของป่าหวงห้าม หรือทำอันตรายด้วยประการใดๆ แก่ของป่าหวงห้ามในป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 29 และมาตรา 71 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • 6. ฐานร่วมกันกับพวกค้าของป่าหวงห้ามหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งของป่าหวงห้ามเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 29 ทวิ และมาตรา 71 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • 7. ฐานร่วมกันกระทำตัวยประการใด (อันเป็นการทำลายป่า ตามมาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท

– ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507

  • 8. ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 14 และมาตรา 31 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเตือนถึงห้าปีและปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงห้าหมื่นบาท
  • 9. ผู้ใดกระทำหรือละเว้นกระทำด้วยประการใด โดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือเป็นเหตุให้เกิดการทำลาย หรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผู้นั้นมีหน้าที่รับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น ตามมาตรา 26/4.-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]