กรุงเทพฯ 11 ส.ค. – ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแถลงจับ รปภ.คุกคาม “มินตัน” เน็ตไอดอลชื่อดัง ปลอมทะเบียนสมรส ป่วนเฟซบุ๊ก รับสารภาพชื่นชอบ-ติดตามมานานกว่า 2 ปี แจ้งข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก
จากกรณีเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวมินตรา หรือมินตัน ดิ๊งด่อง เน็ตไอดอลสาว พร้อมครอบครัวเดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังถูกชายหนุ่มนิรนาม อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุกคามทางสื่อโซเชียลมีเดีย ทั้งการตัดต่อรูปภาพโป๊เปลือย ปลอมแปลงใบทะเบียนสมรส บุกดักรอตามงานโชว์ตัวต่าง ๆ และยังเคยแชทขอร่วมหลับนอนด้วย
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการจับกุม หลังเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.ปอท.สามารถติดตามจับกุมนายณัณธวัฒน์ อายุ 25 ปี ได้จากห้องพักย่านถนนประชาราษฎร์ สาย 1 บางซื่อ โดยการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจพบว่าภายในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหายังมีหลักฐานที่เป็นภาพของผู้เสียหาย รวมถึงภาพและคลิปวิดีโอลามก อนาจารเกี่ยวกับเด็กถูกบันทึกอยู่ในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาอีกด้วย เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าตนเองเป็นผู้บันทึกภาพและเก็บภาพลามกอนาจารของเด็กเอาไว้ในโทรศัพท์ ส่วนที่มีการตามคุกคามน้องมินตัน ให้การรับสารภาพว่าได้ชื่นชอบและติดตามมานานกว่า 2 ปี
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ตำรวจจะตรวจสอบพฤติกรรมการคุกคามทางเพศผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของทางผู้ต้องหาที่กระทำกับผู้เสียหาย โดยจะมีการส่งโทรศัพท์มือถือไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญ พร้อมนำหลักฐานที่ได้รวบรวมไว้จากบ้านพักของผู้ต้องหา ทั้งภาพเอกสารทะเบียนสมรสก่อนและหลังปลอมแปลง รูปภาพของผู้เสียหายต่าง ๆ เพื่อนำหลักฐานมาประกอบสำนวนการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาเพิ่มเติม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอัชญากรรมทางเทคโนโลยีระบุว่าสำหรับคดีแบบนี้ทาง บก.ปอท.ขอเตือนผู้ที่คิดจะทำความผิดอย่าคิดว่าโทษปรับเพียงไม่กี่ 100 บาท แต่ในข้อเท็จจริงการกระทำความผิดลักษณะการคุกคามทางออนไลน์มีโทษสูงถึงจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ต่างกรรมต่างวาระยิ่งทำมากหรือบ่อยครั้งก็จะเพิ่มไปตามจำนวนที่มีการกระทำความผิด จึงอยากขอฝากเตือนผู้ที่คิดจะกระทำหรืออยู่ระหว่างการกระทำ ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว
ด้านนางสาวมินตรา ระบุว่ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ช่วงที่ถูกคุกคามรู้สึกหวัดกลัวไม่กล้าเดินทางไปทำงานเพียงลำพัง เพราะบ่อยครั้งที่เมื่อเดินทางไปทำงานก็จะมีคนบอกว่าชายคนดังกล่าวมาด่าเฝ้ารอตามจุดต่าง ๆ รวมถึงยังเคยมีการบอกว่าจะไปหาน้องสาวตนเองที่โรงเรียน แต่ในส่วนของน้องสาว ก็มีพ่อเดินทางไปรับทุกวัน แต่วันนี้เมื่อทางตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ก็ยอมรับว่ารู้สึกสบายใจมากขึ้น พร้อมฝากถึงผู้หญิงทุกคนหากถูกกระทำการแบบนี้อย่าได้กลัวและขอให้ลุกขึ้นสู้ โดยการแจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีเช่นคดีตนเอง.-สำนักข่าวไทย