กรุงเทพฯ 5 ก.ค. – บก.สส.ภ.2-ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 บุกรวบ “คาร์มัส สุไหงโกลก” พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือที่ขโมยมาจำนวนมาก ปิดเกมโจร กกน.ตัวเดียวก่อเหตุขโมยทั่วไทย
ชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบ ภาค 2 ได้รับแจ้งว่าเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2565 เวลาประมาณ 03.00 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายลักทรัพย์ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ “BANANA” สาขานครนายก อ.เมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ได้ทรัพย์สินไปกว่า 128 รายการ เสียหายมูลค่ากว่า 1,914,895 บาท โดยคนร้ายเลือกที่จะลักมือถือบางยี่ห้อ แต่จะเหลือทิ้งไว้เฉพาะเครื่องที่สามารถล็อกซิมได้ แสดงถึงความเชี่ยวชาญเรื่องโทรศัพท์ หลังเกิดเหตุ บก.สส.ภ.2 ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบว่า คนร้ายนิยมแต่งกายโดยถอดเสื้อผ้าจนเหลือเพียง “กางเกงในตัวเดียว” ในการก่อเหตุก่อนลงมือกระทำความผิดจะมีการตัดสายกล้องวงจรปิดและถอดเซิร์ฟเวอร์กล้องลักเอาไปด้วย และเส้นทางที่คนร้ายใช้เส้นทางก่อเหตุอย่างชำนาญเบี่ยงประเด็นให้เสมือน “เป็นคนพื้นที่” ซึ่งแท้จริงคนร้ายมาสำรวจที่เกิดเหตุไม่ต่ำกว่า 3 ชม. ก่อนลงมือก่อเหตุ
ต่อมา บก.สส.ภ.2 ได้สืบทราบว่าคนร้ายคือ นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส อายุ 23 ปี คนจังหวัดนราธิวาส ซึ่งนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมจาก ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ยังได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมคนร้ายคดีนี้มีความเหมือนกับ เมื่อ 27 ม.ค. 64 ที่ภายในร้าน BANANA สาขาจังหวัดยะลา เลขที่ 65 ถ.รวมมิตร ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา พื้นที่ สภ.เมืองยะลา และเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 65 ที่ร้าน BANANA สาขาสายไหม 109 ซอย สายไหม 9 แขวง สายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.สายไหม ซึ่งคนร้ายแต่งกายชุดก่อเหตุทั้ง 3 คดีเหมือนกันคือ สวมใส่กางเกงชั้นในตัวเดียวมีลักษณะ “ถอดแบบ” จากการตรวจสอบประวัติต้องโทษคดีของ นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ก็พบว่าก่อเหตุมาไปทั่วกว่า 9 คดี 9 พื้นที่ (สภ.เมืองยะลา, สภ.หาดใหญ่ , สภ.เมืองพัทลุง, สภ.เมืองนครศรีธรรมราช, สภ.เมืองหนองบัวลำภู, สภ.เมืองอุบลราชธานี, สภ.หัวหิน, สน.สายไหม) จนถูกเรียกว่า โจรกางเกงในตัวเดียว
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เร่งสั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 นำชุดปฏิบัติการที่ 5 ศปอส.ตร. (PCT 5) เร่งสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี และติดตามของกลางที่คนร้ายขโมยไปมาให้ได้โดยเร็ว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 และตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้จับกุมตัว นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส อายุ 23 ปี ผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลาง คือ 1. โทรศัพท์มือถือ 31 เครื่อง ตรวจค้นพบห้องพักเลขที่ 46/185 ชั้น 7 อาคาร 624 comdolette ลาดพร้าว ถนนเสรีไทย แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 2. โทรศัพท์มือถือ 58 เครื่อง ตรวจค้นพบห้องพัก เลขที่ 704 โรงแรมย่าน ซ.รามคำแหง 40 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ โดยกล่าวว่า “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น สำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า หรือรับของโจร” จับกุมตัวได้ที่ห้องพักเลขที่ 46/185 ชั้น 7 อาคาร 624 comdolette ลาดพร้าว ถนนเสรีไทย แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพ
จากการสอบสวนนายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ รับสารภาพว่า เป็นคนลงมือก่อเหตุลักทรัพย์ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ “BANANA” สาขานครนายกจริง จนกระทั่งได้หลบหนีมาอยู่คอนโดย่านลาดพร้าว และเปิดห้องพักโรงแรม ย่านรามคำแหงเพื่อซ่อนโทรศัพท์ที่ขโมยมา และเตรียมพร้อมหอบของกลางโทรศัพท์ที่ขโมยมาหลายร้อยเครื่องกลับไปยังภูมิลำเนา จ.นราธิวาส แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าตรวจค้นห้องพัก พร้อมตรวจยึดของกลางได้กว่า 79 รายการ ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือที่ก่อเหตุขโมย จำนวน 31 เครื่อง โดย นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ ยอมรับว่ายังซุกซ่อนโทรศัพท์ที่ขโมยมาอีกส่วนหนึ่งอยู่ในโรงแรมย่านรามคำแหง ต่อมาได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นห้องพัก เลขที่ 704 โรงแรมย่าน ซ.รามคำแหง 40 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลางได้อีก 70 รายการ โดยเป็นโทรศัพท์มือถือที่ก่อเหตุขโมยจำนวน 58 เครื่อง โดยการลงทะเบียนเปิดห้องโรงแรม นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ได้ใช้บัตรประชาชนของเพื่อนเพื่อหลบเลี่ยงการติดตามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการตรวจค้นทั้ง 2 จุด รวมของกลางได้ทั้งสิ้น 149 รายการ เป็นโทรศัพท์มือถือที่ก่อเหตุขโมยมาทั้งสิ้น จำนวน 89 เครื่อง ในชั้นจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ หรือรับของโจร” และเป็นบุคคลตามหมายจับ จำนวน 4 หมาย
นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ได้รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และให้การอ้างว่า “ที่ขโมยแต่ร้าน BANANA เพราะชอบกล้วยและชอบสีเหลืองจึงขโมยแต่ร้านนี้ และที่ชอบถอดเสื้อผ้าให้เหลือกางเกงในตัวเดียวแล้วเข้าไปขโมยของเพราะมันทำให้เกิดความรู้สึกให้มั่นใจ รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง และที่ขโมยกล้องวงจรปิดไปด้วยเพราะเมื่อปี 2564 ถูกตีข่าวว่าที่จังหวัดยะลาเป็นโจรกางเกงในโรคจิต รู้สึกไม่ชอบจึงขโมยกล้องไปด้วยทุกครั้งหลังจากคดีนั้น ๆ โดยการหาร้านที่จะก่อเหตุจะค้น Google Maps หาร้าน BANANA แบบสุ่มตัวอย่างแล้วจะไปละแวกนั้นก่อนก่อเหตุประมาณ 3-6 ชม. สำรวจเส้นทางรอบ ๆ แล้วค่อยก่อเหตุหลังเที่ยงคืน โดยที่มุ่งขโมยแต่โทรศัพท์เพราะฝังใจตอนเด็ก ๆ ที่เพื่อนมีโทรศัพท์แต่ตนเองไม่มี จึงเริ่มก่อเหตุโดยแรก ๆ ก็ลักขโมยเล็กน้อยจนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบกวาดหมดร้าน โดยเมื่อขโมยมาได้แล้วมักเอาบางส่วนไปขายและเอาเงินไปใช้ และจะนำโทรศัพท์บางส่วนไปแจกให้กับคนเร่ร่อนละแวกสนามหลวงและหัวลำโพงและบางส่วนก็จะนำไปแจกให้กับคนที่ภูมิลำเนาที่ จ.นราธิวาส โดยจะแจกทั้งเงินและโทรศัพท์ เนื่องจากตนเองเป็นคนไร้บ้านมาก่อนในลักษณะของจอมโจรโรบินฮูด แต่สื่อกลับตั้งฉายาว่าโจรกางเกงในโรคจิต”
จากการตรวจค้นจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 และ ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ตรวจยึดของกลางซึ่งเป็นพยานหลักฐานได้หลายรายการ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการก่อคดีในครั้งก่อน ๆ นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ซึ่งจากนี้จะมีการขยายผลการจับกุมโดยละเอียด ก่อนที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครนายก ดำเนินคดีตามกฎหมาย และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 พร้อมชุดสืบสวน ประสานข้อมูลกับ ตำรวจ ภ.9 อย่างใกล้ชิดอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย