กรุงเทพฯ 20 ก.พ.- หญิงวัย 41 ปี ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกเล่นปั่นแปะในงานวัด สูญเงินเกือบ 300,000 บาท ภายใน 15 นาที เผยมีชายร่างใหญ่มารุม จนไม่กล้าขัดขืน แถมมีหน้าม้าคอยพูดกรอกหูตลอดเวลา
ที่ สน.คันนายาว นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย เพจสายไหมต้องรอด พาสาวพนักงานบริษัท อายุ 41 ปี ผู้เสียหายแจ้งความที่ สน.คันนายาว หลังถูกแก๊งมิจฉาชีพล่อลวงเล่นเกมปั่นแปะ กลางงานวัดคู้บอน สูญเงินเกือบ 300,000 บาท
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ระหว่างเดินเที่ยวในงานวัดคู้บอน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-20 ก.พ.2565 โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนถูกกลุ่มมิจฉาชีพเป็นสิบคน เข้ามาชักชวนให้เล่นเกม หน้าร้านปาเป้าปาโป่ง โดยถูกจับมือให้วางเงินแทงเลข 8 เลข 3 มีผู้วางเงินให้ก่อน 3,000 บาท พอแทงผิด ถูกบังคับให้โอนเงินจ่ายทีละรอบ รอบแรก 6,000 บาท รอบต่อไป หลักหมื่นบาท จนถึง 1 แสนบาท รวมสูญเงิน 295,000 บาท จนเกือบหมดบัญชี ภายในเวลา 15 นาที
ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า ระหว่างถูกดึงตัวให้หยุดเล่นเกม เหมือนมีอาการเบลอ ถูกรุมจนไม่กล้าขัดขืน เพราะมีทั้งชายร่างใหญ่แต่งตัวเหมือนการ์ดและป้าหน้าม้ามาตีสนิทบอกว่าเป็นผู้เล่นรายอื่นๆ พูดกรอกหูตลอดเวลาให้แทงและโอนเงิน โดยโอนเงินไป 3 บัญชี ซึ่งในช่วงถูกกดดันให้โอนเงิน เกิดขึ้นรวดเร็ว จนไม่ทันแม้แต่จะโทรหาแฟน ที่มาด้วยกันแต่แยกไปซื้ออาหาร
นายเอกภพ ยังได้พาผู้เสียหายไปชี้จุดที่ถูกหลอกภายในงานวัดคู้บอน ซึ่งแม้คืนนี้จะเป็นงานวันสุดท้าย แต่ที่ซุ้มปาเป้าปาโป่งที่เกิดเหตุ ลูกจ้างพากันเก็บร้านก่อนจบงานโดยบอกว่าเจ้าของร้านให้เก็บของปิดร้านแล้ว โดยลูกจ้างร้านเล่าว่า ไม่เกี่ยวข้องแต่ยอมรับเห็นมีกลุ่มคนมาเช่าที่ตั้งโต้ะหน้าร้านล้อมวงเล่นเกมจริง
ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า จากสภาพพื้นที่ เป็นแผงค้าในงานวัดคู้บอน ที่เช่าปาเป้าปาโป่งปกติ แต่กลุ่มมิจฉาชีพนี้จะมีโต๊ะมาเช่าตั้งหน้าร้านเพียง 1 ชั่วโมง เมื่อหลอกเหยื่อได้เงินแล้วก็เปลี่ยนไปหลอกในงานอื่น จึงพาเข้าแจ้งความเพื่อขอให้ตำรวจเข้ากวดขัน จับกุมแก๊งดังกล่าวเพื่อไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อเพิ่มอีก
ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมาผู้เสียหาย ได้ให้เพื่อนแฝงตัวไปในงานวัดคู้บอนที่ตนเองถูกหลอกให้เล่นพนันเพื่อติดตามว่ายังคงตั้งโต๊ะเปิดให้เล่นพนันอยู่อีกหรือไม่ แต่ปรากฏว่าไม่พบว่ามีการตั้งโต๊ะให้เล่นพนันปั่น 38 แต่เปลี่ยนเป็นตั้งโต๊ะปั่นวงล้อแทน จึงได้บันทึกภาพซึ่งปรากฏว่าพบบุคคล 2 คน ที่อยู่ในวันที่ตนเองถูกหลอกให้เล่นพนันปั่น 38 เป็นหญิง 1 คน ที่ทำหน้าที่ปั่นเหรียญในวันเกิดเหตุ และชายอีก 1 คน ทำหน้าที่เป็นหน้าม้าคอยชักชวนให้ตนเองเล่น จึงคาดว่าจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพเดียวกันที่ยังคงอยู่ภายในงาน .-สำนักข่าวไทย