อุกอาจปาระเบิดใส่ร้านลูกชิ้นหมู ย่านห้วยขวาง

ห้วยขวาง 11 ก.พ.- เกิดเหตุคนร้าย ปาระเบิดใส่ร้านลูกชิ้นหมู ย่านห้วยขวาง เจ้าของยันไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ

เกิดเหตุอุกอาจ คนร้ายลอบปาระเบิดร้านลูกชิ้นหมูย่านห้วยขวาง โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ ขณะที่สาวเจ้าของร้าน ยอมรับในย่านเดียวกันมีคู่แข่งหลายเจ้า แต่ไม่น่าเป็นชนวนก่อเหตุ พร้อมประกาศปิดหน้าร้าน หันไปขายออนไลน์อย่างเดียวเพื่อความปลอดภัย นางสาวเปรมภัสส์ หรือ “นัด” อายุ 37 ปี เจ้าของร้านขายลูกชิ้นหมู ย่านห้วยขวาง ชี้ให้ทีมข่าวสำนักข่าวไทย ดูสภาพความเสียหายผ้าม่านหน้าร้านขาดวิ้น มีร้อยไฟไหม้ ซึ่งเป็นร่องรอยความเสียหายสุดท้าย ที่ยังพบเห็นในตอนนี้


น.ส.เปรมภัสส์ เล่าว่า ประมาณ 5 ทุ่มคืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าของอาคารที่ตนมาเช่าเปิดร้านขายลูกชิ้นย่าง ได้โทรศัพท์ แจ้งว่า ได้ยินเสียงระเบิด และมีไฟลุกไหม้ บริเวณหน้าร้าน โดยเจ้าของอาคาร ถามว่าตนลืมเปิดแก๊ส หรือเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้หรือไม่  ซึ่งตนได้ปฏิเสธและเดินทางมาดูร้าน พบว่ามีไฟลุกไหม้ผ้าม่าน และกระจกหน้าร้านแตกเสียหาย จึงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

ผู้เสียหาย ยังเล่าว่าโชคดีวันเกิดเหตุ เธอปิดร้านพาลูกไปฉีดวัคซีน จึงไม่มีใครบาดเจ็บ ก่อนเกิดเหตุ ก็ไม่พบความผิดปกติ หรือสังเกตเห็นใครมาแวะเวียนดูที่ร้าน จึงไม่รู้จะสงสัยใครเพราะไม่เคยมีปัญหาบาดหมางกับใครในย่านนี้มาก่อน และเพิ่งจะมาเช่าเปิดร้านได้ 7 เดือน ที่ผ่านมาขายเฉพาะออนไลน์ ยอมรับว่าร้านขายลูกชิ้นในย่านเดียวกันมีหลายเจ้า แต่ไม่เชื่อว่าจะเป็นชนวนก่อเหตุ เพราะที่ร้านก็ขายไม่ดี บางวันไม่มีลูกค้าเลย


น.ส.เปรมภัสส์ เล่าอีกว่า หลังเกิดเหตุ ได้ตรวจดูกล้องวงจรปิดหน้าร้าน และจุดใกล้เคียง พบภาพจักรยานยนต์ต้องสงสัย ขี่ผ่านหน้าร้านไปไม่นาน ก่อนจะเกิดแสงไฟและเสียงระเบิดจะดังขึ้น จึงเข้าแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง และมอบวงจรปิดให้ตำรวจไปสอบสวนขยายผลเพื่อเป็นเบาะแสจับกุมคนร้ายแล้ว เบื้องต้นตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุ แจ้งว่าคนร้ายใช้ระเบิดปิงปองก่อเหตุ โดยพบชิ้นส่วนระเบิดปิงปองหลายชิ้นตกอยู่ในที่เกิดเหตุ

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ ยังรู้สึกหวาดกลัวและเกรงจะไม่ปลอดภัยเวลาที่ต้องพาลูกทั้งสองคนมาที่ร้าน จึงคุยกับเจ้าของที่ให้เช่า เพื่อขอคืนห้องเช่าและกลับไปขายลูกชิ้นทางออนไลน์เหมือนเดิม เพื่อความปลอดภัยของครอบครัว

ด้านนายสุภาพ พูนสุด เจ้าของร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุเล่าว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังตูม ทำให้สะดุ้งตื่นมาดู แต่ไม่เห็นจักรยานยนต์หรือสิ่งผิดสังเกตอะไร จึงคิดว่าเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด จึงกลับเข้าไปนอนตามปกติ กระทั่งตอนเช้าจึงรู้ว่า มีเหตุคนร้ายลอบปาระเบิดร้านขายลูกชิ้น


ส่วนการสืบสวนจับกุมคนร้ายตำรวจ สน.ห้วยขวาง เร่งตรวจสอบวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย ยังไม่สรุป ว่าสาเหตุลอบปาระเบิดครั้งนี้ คนร้ายหวังผลอะไร .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก