ทำแผนลูกชายแทงพ่อ 12 แผล ดับคาบ้านย่านรามคำแหง

กรุงเทพฯ 18 ต.ค. – ตำรวจคุมตัวลูกชายแท้ๆ ใช้มีดแทงพ่อ 12 แผล เสียชีวิตคาบ้านพักย่านรามคำแหง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อ้างทำไปเพราะป้องกันตัว หลังถูกพ่อทำของใส่และทำร้ายร่างกาย


ความคืบหน้าเหตุแทงกันตายที่บ้านพักหลังหนึ่ง ภายในหมู่บ้านหรูย่านถนนรามคำแหง แขวงและเขตสะพานสูง เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (17 ต.ค.) ในที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ภายในตัวบ้านมีรถจอดอยู่ 2 คัน และบริเวณทางเข้าบ้านพบศพนายสมบูรณ์ หรือ ลุงแดง อายุ 66 ปี มีบาดแผลถูกมีดแทงที่หน้าอกและตามร่างกาย 12 แผล ซึ่งเพื่อนบ้านเล่าว่าก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากชายคนดังกล่าว เมื่อวิ่งไปตรวจสอบจึงพบนายสมบูรณ์นอนเสียชีวิตตรงประตูภายในบ้าน นอกจากนี้ยังมีผู้ได้ยินเสียงทะเลาะกันและเสียงตะโกนว่า “อย่าฆ่าๆ” จากนั้นได้วิ่งเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ จึงพบรอยเท้าเปื้อนเลือดลักษณะเดินออกมาจากบ้าน

สำหรับผู้เสียชีวิตพบว่าเป็นอดีตโบรกเกอร์ หรือตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นจึงลาออกจากงานและมาพักอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง กระทั่งถูกแทงจนเสียชีวิต หลังจากนั้นไม่นานปรากฏว่าชุดสืบสวนได้ภาพจากกล้องวงจรปิดโดยรอบที่เกิดเหตุ และพบว่าเวลาประมาณ 15.54 น. วานนี้ (17 ต.ค.) มีผู้ชาย 1 คน ผิวเหลือง ผมรองทรงสั้น สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ เดินออกจากบ้านที่เกิดเหตุ โดยขณะนั้นได้ทำสิ่งของตก แต่รีบหยิบและออกไปจากจุดเกิดเหตุด้วยท่าทีต้องสงสัย


เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ชุดสืบสวน บก.น.4 และ สน.บางชัน จับกุมนายหัทเมธ หรือ ดิว อายุ 33 ปี ลูกชายแท้ๆ ของผู้ตาย พร้อมของกลางเป็นอาวุธมีด เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าที่ใส่ขณะก่อเหตุ โดยจับกุมได้ที่ห้องพักในแมนชั่นแห่งหนึ่ง ซอยนวมินทร์ 54

ล่าสุดตำรวจนำตัวนายหัทเมธไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านเกิดเหตุ หลังผู้ต้องหารับสารภาพว่าวันเกิดเหตุได้เข้าไปเอาสิ่งของบางอย่างที่บ้าน แต่มีปากเสียงกับพ่อ ซึ่งเป็นคนที่คลั่งไคล้ไสยศาสตร์ มีอารมณ์ฉุนเฉียว เคยทำของใส่ตนกับแม่ เป็นสาเหตุทำให้ตนต้องออกจากบ้านไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว โดยพ่อเป็นฝ่ายเริ่มทุบตีทำร้าย พร้อมไม่ให้ออกจากบ้าน จนเกิดการยื้อยุดกัน จึงคว้ามีดของพ่อซึ่งลงอักขระอาคม แทงไปหลายแผล เพื่อป้องกันตัว แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ ทั้งพยานแวดล้อม พยานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ในข้อหาฆ่าบุพการี และพกพาอาวุธมีดไปในเมืองและหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร

สำหรับการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตำรวจได้ให้ผู้ต้องหาชี้จุดปลดล็อกแม่กุญแจประตูทางเข้าบ้าน ก่อนนำตัวไปชี้จุดที่ใช้มีดแทงพ่อในบ้านพัก ไปยังร้านขายยา ขณะที่ผู้ต้องหาอยู่ในอาการสงบ ให้การปกติ มีบาดแผลเล็กๆ ที่แขนขวาและมือขวาหลายจุด


คนในหมู่บ้าน เล่าว่า เดิมครอบครัวมี 4 คน ประกอบด้วยพ่อแม่ และ ลูกชายอีก 2 คน อาศัยในบ้านหลังเกิดเหตุ แต่ช่วงหลายปีหลังทุกคนทยอยย้ายออกไป เหลือเพียงผู้ตายคนเดียวที่ยังอยู่บ้านหลังนี้ โดยปกติผู้ตายเป็นคนสันโดษ ไม่พูดคุยสุงสิงกับใคร แต่ช่วง 2 ปีมานี้ หลังแพร่ระบาดของโควิด ยิ่งเก็บตัว ส่วนลูกชายของผู้ตายเป็นคนหน้าตาดี แต่งตัวสะอาด เรียบร้อย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก