กำแพงเพชร 15 ก.พ. – ตำรวจคุม 2 ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังร่วมกันก่อเหตุฆ่ายกครัว 3 พ่อแม่ลูก ด้านญาติลุกฮือฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ เข้าไปดูหน้าฆาตกรโหด หวิดถูกรุมประชาทัณฑ์
ญาติของผู้เสียชีวิต และชาวบ้าน พยายามจะฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ เข้าไปดูหน้า นายศิวกร หรือ โน๊ต และ นายนิรุตย์ หรือเข้ 2 ผู้ต้องหา ขณะเจ้าหน้าที่ นำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในคดีฆ่ายกครัว 3 คนพ่อแม่ลูก บริเวณบ้านร้าง ริมถนน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็น จุดที่ผู้ก่อเหตุ นำร่างผู้เสียชีวิตใส่รถกระบะไป จอดทิ้งอำพรางคดี ทำให้เกิดกระทบกระทั่ง มีปากเสียงกัน แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้
ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่อีกชุดรีบพาตัว 2 ผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สวมหมวกกันน็อก เสื้อเกราะให้ รีบเข้าไปทำแผนอย่างรวดเร็ว โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ กั้นพื้นที่โดยรอบไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้า ผู้สื่อข่าวพยายามถามนายโน๊ต ว่ามีอะไรอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ แต่นายโน๊ตก็นิ่ง ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2025/02/15/1489413/1739619139_417019-tnamcot-1024x569.jpg)
ส่วนอีกจุด ซึ่งเป็นจุดยิง 3 พ่อแม่ลูก ริมทุ่งนา เจ้าหน้าที่ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหาลงจากรถตู้ เนื่องจากมีญาติ และชาวบ้านมาดักรอกันเป็นจำนวนมาก เกรงว่าจะเกิดการชุลมุนขึ้น จึงให้อยู่ภายในรถ แต่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกรายละเอียดและภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวกลับมาสอบสวนต่อ ที่ สภ.คลองขลุง
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้าสอบปากคำ นายศิวกร หรือ โน๊ต และนายนิรุตย์ หรือ เข้ อายุ 25 ปี และเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐาน สอบปากคำคนใกล้ชิด พยานแวดล้อม มีหลักฐานเป็นข้อพิรุธหลายอย่าง และเชื่อมโยงไปถึงตัวนายโน๊ต ซึ่งก่อนหน้านี้เคยนำปืนบีบีกันดัดแปลงไปจำนำกับผู้ตาย และตรวจสอบภาพบาดแผลจากทั้ง 3 ศพ พบมาจากปืนกระบอกเดียวกัน และอาจเป็นบีบีกัน ที่นายโน๊ต นำมาจำนำไว้ ซึ่งเบื้องต้น นายโน๊ต ให้การรับสารภาพ เป็นคนลงมือยิง 3 ศพจริง และซัดทอดว่า นายนิรุตย์ หรือเข้ ช่วยเหลือเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต จึงยื่นต่อศาลจังหวัดกำแพงเพชร ออกหมายจับ นายศิวกร หรือโน๊ต และนายนิรุตย์ หรือเข้ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันรอบฝัง ซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ
ทั้งนี้ สอบปากคำนายโน๊ต ยังได้ข้อมูลว่า วันที่ 12 ม.ค. ได้นัดหมายให้นายใหม่มารับที่บ้าน และนั่งรถกระบะของนายใหม่ออกไปด้วยกัน ระหว่างทาง มีการพูดคุยเรื่องที่นายใหม่ เคยรับปากจะให้กู้ เงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อนำไปซื้อโดรนเพื่อการเกษตร เพราะมีอาชีพขับโดรนการเกษตร แต่นายใหม่ปฏิเสธ กระทั่งขับรถมามาถึงบริเวณทุ่งนาในพื้นที่ หมู่ 10 ต.คลองขลุง จึงลงมาพูดคุยกันนอกรถยนต์ แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงใช้ปืนที่นำมาจำนำไว้ กับนายใหม่ ยิงเสียชีวิตริมทุ่งนา จากนั้นโทรตามนายนิรุตย์ หรือเข้ มาช่วยขนร่างนายใหม่ ก่อนนำรถกระบะไปจอดทิ้งอำพราง และโทรให้ญาติมารับไป นำทองของผู้ตายไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง โดยเจ้าของร้านทองให้เงินสดมา 3,000 บาท ก่อนจะโอนเงินจนครบ 100,000 บาท เข้าบัญชีธนาคาร นอกจากนี้ นายโน๊ต ยังมีความพยายามหาช่องทางในการทำลายหลักฐาน โดยการสืบหาข้อมูล สอบถาม ให้เบาะแสผู้สื่อข่าว พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ ทำทีเป็นห่วงครอบครัวผู้ตายเพราะรู้จักกันดี เป็นเพื่อนของน้องชายหญิงผู้เสียชีวิต
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2025/02/15/1489413/1739619201_295813-tnamcot-1024x578.jpg)
ขณะที่ ตลอดทั้งวันชุดอาสาสมัครกู้ภัยสว่างกำแพงเพชร จัดชุดประดาน้ำธารา ลงพื้นที่ค้นหาปืน และโทรศัพท์ในสระน้ำ หมู่ที่ 8 บ้านร้อยไร่ ตำบลคลองขลุง ห่างจากจุดยิงประมาณ 1 กิโลเมตร ตามคำให้การของนายศิวกร หรือ โน๊ต แต่การทำงานเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะเป็นสระขนาดใหญ่ ลึก 2 เมตร ด้านล่างเป็นดินโคลน และค้นหามาทั้งวันก็ยังไม่เจอปืน และโทรศัพท์
ด้าน นายสุพัฒน์ ลูกพี่ลูกน้องกับนายใหม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับทีมข่าวว่า หลังจากทราบว่า ผู้ก่อเหตุ นำพยานหลักฐานมาทิ้งบริเวณนี้ก็อาจเป็นไปได้ แต่มองว่าคนทำผิด ใครจะย้อนกลับมาทิ้งของกลางตรงจุดนี้ ทำไมไม่ทิ้งระหว่างเส้นทางหลบหนี และผู้ก่อเหตุก็เป็นคนใกล้ตัว ไม่น่ามาทำกันได้ ทำทีมาตีเนียนตลอดตั้งแต่ช่วงน้องชายตนหายตัวไปก็ตีเนียนมาถามหาข้อมูล ตอนเจอศพก็ตามมาใกล้ชิดตลอด รวมทั้งทำตัวเลือดเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย