กรุงเทพฯ 17 มิ.ย.-ร้านชาไข่มุก เปิดศึกถล่มร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าวัดเวฬุราชิณ ย่านบางยี่เรือ ส่งชายฉกรรจ์นับ 10 บุกทำลายข้างของในร้าน อาม่าวัย 60 และหลานชายบาดเจ็บ
ชายฉกรรจ์ที่ก่อเหตุเข้าถล่มทำลายร้านขายก๋วยเตี๋ยว ต่างวิ่งหนีกระเจิง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระมาตรวจสอบและระงับเหตุ ทะเลาะวิวาท ยกพวกตะลุมบอนทำลายข้าวของในร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งอยู่ติดกันกับร้านชานมไข่มุก บริเวณหน้าวัดเวฬุราชิณ ถนนเทอดไทย แขวงบางยี่เรือ จนข้าวของในร้านก๋วยเตี๋ยวเสียหาย และมีผู้บาดเจ็บคือ น.ส.ณัฐชลัยย์ เสริมสุข อายุ 60 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว มีอาการปากแตก และนายธนนันท์ แสงกิจอมร อายุ 23 ปี หลานชายถูกตีด้วยไม้ที่หลังและร่างกายซีกซ้าย
น.ส.ณัฐชลัยย์ เสริมสุข แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว เล่าว่า ขายก๋วยเตี๋ยวกับน้ำชง ที่หน้าวัดมา 30 ปี ส่วนร้านชาไข่มุก เพิ่งเปิดได้ 1 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยพูดจาหรือทักทายกัน และไม่เคยห้ามลูกค้านำชาไข่มุกจากร้านคู่กรณีมากินในร้านของตน เพียงบอกว่า ให้เอาแก้วชาไข่มุกกลับไปทิ้งด้วย มีบางครั้งที่ลูกค้าไม่ได้นำแก้วไปทิ้งตนก็เก็บไปวางหน้าร้านชาไข่มุก ที่ผ่านมาร้านตนขายดีมาตลอดขณะที่ร้านคู่กรณีช่วงนี้เงียบ ลูกค้าน้อย
ขณะเกิดเหตุตนกำลังเก็บข้าวของเตรียมปิดร้าน จู่ๆ หญิงคนหนึ่ง อายุราว 25-30 ปี ซึ่งเป็นญาติกับเจ้าของร้านชาไข่มุก เดินเข้ามาต่อว่าตน หาว่า พับโต๊ะเสียงดัง จากนั้นจึงเกิดการถกเถียงกันขึ้น หญิงคู่กรณี จึงเรียกผู้หญิงอีก 2-3 คน มารุมทำร้ายตบตีตนจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อนายธนนันท์ หลานชาย ที่กำลังช่วยเก็บร้านเห็นเหตุการณ์จึงหยิบมีดทำครัวเข้ามาห้าม
ด้านนายธนนันท์ เล่าว่า ระหว่างที่ย่าของตนไปแจ้งความที่โรงพัก ตนก็เก็บข้าวของในร้านต่อ จู่ๆ มีกลุ่มชายฉกรรจ์เกือบ 10 คน ถือไม้และไม้เบสบอล เข้ามารุมทำร้ายตนจนต้องวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในซอยข้างวัด และกลุ่มชายฉกรรจ์ยังได้บุกเข้าไปรุมทุบทำลายตู้ก๋วยเตี๋ยว พวงพริกน้ำปลา และทรัพย์สินอื่นๆ ในร้านจนพังเสียหาย กระทั่งเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้ามาระงับเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์จึงแยกย้ายหลบหนี
พ.ต.อ.ดุสิต เผยว่า ได้เชิญคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เข้าให้ปากคำแล้ว โดยทางร้านชาไข่มุกได้ติดต่อจะแจ้งความถูกทำร้ายร่างกายเช่นกัน ซึ่งกรณีนี้นั้นยังไม่แจ้งข้อหากับฝ่ายใด เนื่องจากแนวทางการสืบสวนทราบว่า ทั้ง 2 ฝ่าย มีปัญหาไม่ลงรอยกันมานานแล้ว เพราะต่างก็ขายน้ำดื่มเหมือนกัน โดยหลังจากนี้จะให้ฝั่งร้านก๋วยเตี๋ยวไปตรวจร่างกายที่ รพ.ทหารเรือ ก่อนนำใบแพทย์มาประกอบสำนวนคดี ส่วนฝ่ายคู่กรณีหากต้องการแจ้งความกลับ สามารถดำเนินการได้ ซึ่งตำรวจจะให้ความยุติธรรม หากพบหลักฐานเอาผิดกับฝ่ายใด ยืนยันจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด.-สำนักข่าวไทย