กทม. 8 มี.ค.- ตำรวจยื่นฝากขัง”โตโต้” กับพวกผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ 3 ข้อหาพร้อมคัดค้านการประกันตัว
พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ยื่นคำร้อง ต่อศาลอาญา รัชดาฯ เพื่อฝากขังนายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ ในความผิด4 ข้อหา ประกอบด้วย ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34 (6), ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 และ 210 ฐานเป็นอั้งยี่ และเป็นซ่องโจร กรณี ถูกควบคุมตัว ภายในลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้าย่านรัชโยธิน เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ท้ายคำร้องขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และคดีมีอัตราโทษสูง
ในการฝากขังวันนี้ ไม่มีการนำตัวโตโต้มาที่ศาล เป็นการฝากขังแบบวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ จากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ. ปทุมธานี มายังศาลอาญา รัชดาฯ เพื่อให้ผู้พิพากษา พิจารณาคำร้อง
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ชุมนุมนัดหมายทำกิจกรรมและชุมนุมสาธารณะประกอบด้วยกลุ่ม REDEM ร่วมกับกลุ่มการ์ดราษฎรบริเวณห้าแยกลาดพร้าว เดินขบวนไปศาลอาญา, กลุ่มแนวร่วมแดงก้าวหน้า 63 บริเวณโลตัสรังสิต เดินขบวนไปกรมทหารราบที่ 11 , กลุ่มมวลชนเดินทะลุฟ้าบริเวณตลาดเซียร์ รังสิต เดินขบวนไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กลุ่มอาชีวศึกษาปกป้องสถาบัน บริเวณแยกราชประสงค์ โดยฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่ากลุ่มนายปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่ม WEVO กับพวกได้นัดหมายรวมตัวกันที่บริเวณลานจอดรถชั้น 5 บนห้างเมเจอร์รัชโยธิน และมีการนำอาวุธหรือสิ่งของมาใช้ก่อความวุ่นวายหรือสร้างสถานการณ์ในการชุมนุม จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย พบนายปิยรัฐกับพวกพร้อมกระเป๋าเป้ ซึ่งภายในบรรจุหนังสติ๊ก 15 อัน, หัวนอต 50 ชิ้น, ลูกแก้ว 300 ลูก, ระเบิดควัน 30 ลูก, ถุงน้ำปลาร้า 30 ถุง, หมวกกันกระแทก 13 ใบ, เสื้อเกราะ 37 ตัว, ท่อเก็บแก๊สน้ำตา 1 อัน, ค้อนเหล็ก 1 อัน และโล่ 1 อัน จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง และควบคุมตัวนายปิยรัฐกับพวกขึ้นรถผู้ต้องหาจำนวน 3 คัน นำส่ง ตชด.ภ.1 ขณะแล่นออกจากห้างเมเจอร์รัชโยธินได้พบกับกลุ่ม REDEM และกลุ่มการ์ดราษฎร ปรากฏว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เข้ามาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ต่อสู้และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทุบรถผู้ต้องหาและได้พังประตูรถด้านหลัง ทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้บางส่วน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวและนำส่ง ตชด.ภ.1 ได้จำนวน 18 คน และดำเนินคดีในข้อหา 1.ร่วมกันจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2.ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ 3.ฐานเป็นอั้งยี่และซ่องโจร.-สำนักข่าวไทย