กทม.18 ส.ค.- ตร. แจงคำสั่งให้ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย กับพวกรวม 5 นาย ที่ถูกร้องเรียนโกงเงินสหกรณ์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยกว่า 229 ล้านบาท กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิม หลังการพิจารณาทางวินัยยังไม่แล้วเสร็จภายในกำหนด
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อให้ความสนใจสอบถาม ในประเด็นที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่ง ตร.ที่ 421/2563 ให้ข้าราชการตำรวจกลับคืนสู่ฐานะเดิมและกลับเข้ารับราชการนั้น ขอชี้แจงประเด็นในส่วนของการดำเนินคดีทางอาญาและ การดำเนินทางวินัยของข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง จากกรณีเมื่อปี 2561 ประชาชนและกลุ่มข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดเลย ได้ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีถูกฉ้อโกงเงินกว่า 229 ล้านบาท จากโครงการบริหารหนี้และโครงการรวมหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย
ประเด็นที่หนึ่งในส่วนของการดำเนินคดีอาญา ทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนเรื่อยมากระทั่งมีความเห็นสรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา หลายรายในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนต่อพนักงานอัยการโดยคดียังอยู่ในชั้นพิจารณาของพนักงานอัยการ
ประเด็นที่สองในส่วนของการดำเนินการทางวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.เลย กับพวกรวม5นาย กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยต้องหาคดีอาญาข้อหา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4,5 และ 12 และ ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2563 คณะกรรมการสอบสวน ได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้น มีความเห็นมายัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจากการพิจารณาโดยกองวินัยพบว่าข้อเท็จจริง ยังไม่เพียงพอต่อการพิจารณาสั่งการ จึงได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการสอบสวน ทำการสอบสวนเพิ่มเติมและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนโดยคณะกรรม
การสอบสวน ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเรื่อยมาโดยตลอด หากแต่การสอบพยานบุคคลยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งการพิจารณาสั่งการดังกล่าวล่วงเลยตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ตาม มาตรา87วรรคสอง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกอบระเบียบ ก.ตร.ว่าด้วยเหตุ จำเป็นไปในการขยายระยะเวลาการพิจารณาสั่งการทางวินัย พ.ศ.2547 ข้อ 5 เนื่องด้วยกฎหมายกำหนดไว้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทิพย์ กับพวกรวม 5 นาย กลับคืนสู่ฐานะเดิม
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่าแต่ข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องยังคงเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ และหากผลการสอบสวนเพิ่มเติมในคดีวินัย ส่งกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองวินัยจะพิจารณา มีความเห็นตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป -สำนักข่าวไทย