DSI สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ แยกสำนวนคดีฮั้วประมูลเพิ่มเป็นอีกคดี

ดีเอสไอ 22 พ.ค. – พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกดีเอสไอ, พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และ นายศุภภางกูร พิชิตกุล รอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ร่วมกันแถลงผลการประชุมสรุปสำนวน ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อสั่งฟ้องต่ออัยการคดีพิเศษ


โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนประชุมในประเด็นที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และความผิดที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการพิจารณา 2-3 ประเด็น คือ 1.การสอบสวนเรื่องนอมินี เนื่องจากก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว วันนี้จึงมีการประชุมพิจารณาพยานหลักฐานเบื้องต้น จึงทำให้ที่ประชุมมีความเห็นทางคดี โดยคดีจะไม่ได้จบที่ชั้นคณะพนักงานสอบสวนเพียงเท่านั้น แต่ต้องไปยังระดับกรมสอบสวนคดีพิเศษ 2.สำนวนเกี่ยวพันกัน คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้แยกเป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการต่อไป 3.รายการสิ่งของที่มีการตรวจยึดระหว่างการสืบสวนสอบสวน ซึ่งฝ่ายเลขาคณะพนักงานสอบสวน ได้เสนอว่าสิ่งของใดที่ต้องใช้เป็นพยานหลักฐาน หรือสิ่งใดไม่มีความเกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามระเบียบในการคืนต่อไป ยืนยันว่า สำนวนคดีนอมินี ยังคงมีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย นอมินีคนไทย 3 คน นายชวนหลิง จาง และนายบินลิง วู โดยในส่วนของนายบินลิง วู ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว เร่งติดตามตัว ตรวจสอบข้อมูลยังไม่พบว่าเดินทางออกนอกประเทศ และได้ประสาน ตม. ช่วยดำเนินการ หากจับกุมตัวนายบินลิง วู ก็แจ้งข้อหา ก่อนนำตัวสั่งฟ้องตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ กรณีว่าพบเจ้าหน้าที่ สตง.มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ด้วยหรือไม่นั้น ตนขอเรียนว่า ในการพิจารณาสำนวนครั้งนี้เป็นเรื่องของคดีนอมินี

นอมินีคนไทยทั้ง 3 คน และนายชวนหลิง จาง ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้มีการเข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ดังนั้น เมื่อเรายึดหลักฟังความทั้งสองฝ่าย ตอนที่เรารวบรวมหลักฐานแล้วพบว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอรับฟังได้ว่ามีการกระทำผิด จึงแจ้งข้อหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาอธิบายชี้แจง แต่ผู้ต้องหาไม่ได้นำพยานหลักฐานมาชี้แจงตามกำหนด ดีเอสไอจึงต้องประชุมมีความเห็นทางคดีตามขั้นตอน ซึ่งคดีนอมินีมีจำนวนเอกสารมาก อยู่ระหว่างการจัดเรียง โดยเมื่อคณะพนักงานสอบสวนมีมติแล้ว ก็ต้องเสนอยังอธิบดีดีเอสไอพิจารณา ก่อนสรุปส่งสำนวนให้พนักงานอัยการคดีพิเศษ


พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า สำหรับคดีฮั้วประมูลที่แยกรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งคดีนั้น จะยังไม่ได้โฟกัสในมาตราใดเป็นพิเศษ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะมีประเด็นเกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยจะเน้นไปตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ คือ สัญญาการก่อสร้าง สัญญาการออกแบบ สัญญาการควบคุมงาน อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้เรียกสอบปากคำกลุ่มผู้เสนอราคา (6 นิติบุคคล) ผู้จัดทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี รวมถึงผู้รับงานก่อสร้าง พบความผิดปกติหรือไม่นั้น ส่วนนี้จะอยู่ในคดีพิเศษฮั้วประมูล

พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า สำหรับพฤติการณ์ของนายบินลิง วู ที่พบความเชื่อมโยงว่าอาจเกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ แต่ไม่ปรากฏชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในโครงสร้างบริษัท แต่กลับพบว่ามีชื่ออยู่ในบริษัทอื่น ที่ใช้ที่ตั้งบริษัทเดียวกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ คงจะอธิบายเช่นนั้นไม่ได้ แต่ข้อเท็จจริงคือเรานำเสนอศาลแล้ว และศาลเห็นว่าว่าจะพยานหลักฐานที่เรานำเสนอไป มีเหตุอันควรที่จะออกหมายจับไว้ ฉะนั้นการที่มีหมายจับเป็นการที่เรามองหลักฐานจากฝั่งผู้กล่าวหา แต่เมื่อได้ตัวมาแล้วก็อยากฟังคำชี้แจงของผู้ต้องหา ว่ามีข้อแก้ตัวและข้ออธิบายอย่างไรบ้าง สุดท้ายการสั่งคดีมันต้องฟังความทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าเราพยายามสื่อสารคนใกล้ตัวของเขาว่าให้เข้ามาแสดงตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการ เพราะการสอบสวนถือเป็นกระบวนการยุติธรรมชั้นต้นเท่านั้น เจ้าตัวยังมีโอกาสได้อธิบายความ ยังมีชั้นอัยการที่จะกรองสำนวน และยังต่อสู้ในชั้นศาลได้

ต่อข้อถามว่า นายบินลิง วู มีหมายจับของศาลอาญารัชดาภิเษก แต่กลับไม่ยินยอมเข้าพบพนักงานสอบสวน จะกลายเป็นเงื่อนไขในการค้านประกันตัวหรือไม่นั้น พ.ต.ต.วรณัน เผยว่าการสอบสวนเมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็จะกลายเป็นชั้นการพิจารณาของพนักงานอัยการ


สำหรับการสอบสวนปากคำคณะกรรมการตรวจรับ จัดซื้อจัดจ้างของ สตง. ว่าพบความผิดปกติใดหรือไม่นั้น ทราบว่าทางฝ่ายเลขาของคณะพนักงานสอบสวนได้มีการสอบสวนปากคำคณะกรรมการทั้ง 3 โครงการอยู่ ส่วนจะพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีความผิดฮั้วประมวลหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐมาเกี่ยวข้องก็จะไปเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งดีเอสไอก็จะต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีฮั้วประมูลฯ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในคดีพิเศษฮั้วประมูล มีความคืบหน้าไปพอสมควร ซึ่งยังคงต้องติดตามบริษัทที่เกี่ยวข้องใน 3 สัญญา ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่เข้ามายื่นข้อเสนอราคา คณะพนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการติดตามมาสอบสวนปากคำให้ครบ.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]