DSI สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ แยกสำนวนคดีฮั้วประมูลเพิ่มเป็นอีกคดี

ดีเอสไอ 22 พ.ค. – พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกดีเอสไอ, พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และ นายศุภภางกูร พิชิตกุล รอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ร่วมกันแถลงผลการประชุมสรุปสำนวน ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อสั่งฟ้องต่ออัยการคดีพิเศษ


โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนประชุมในประเด็นที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และความผิดที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการพิจารณา 2-3 ประเด็น คือ 1.การสอบสวนเรื่องนอมินี เนื่องจากก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว วันนี้จึงมีการประชุมพิจารณาพยานหลักฐานเบื้องต้น จึงทำให้ที่ประชุมมีความเห็นทางคดี โดยคดีจะไม่ได้จบที่ชั้นคณะพนักงานสอบสวนเพียงเท่านั้น แต่ต้องไปยังระดับกรมสอบสวนคดีพิเศษ 2.สำนวนเกี่ยวพันกัน คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้แยกเป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการต่อไป 3.รายการสิ่งของที่มีการตรวจยึดระหว่างการสืบสวนสอบสวน ซึ่งฝ่ายเลขาคณะพนักงานสอบสวน ได้เสนอว่าสิ่งของใดที่ต้องใช้เป็นพยานหลักฐาน หรือสิ่งใดไม่มีความเกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามระเบียบในการคืนต่อไป ยืนยันว่า สำนวนคดีนอมินี ยังคงมีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย นอมินีคนไทย 3 คน นายชวนหลิง จาง และนายบินลิง วู โดยในส่วนของนายบินลิง วู ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว เร่งติดตามตัว ตรวจสอบข้อมูลยังไม่พบว่าเดินทางออกนอกประเทศ และได้ประสาน ตม. ช่วยดำเนินการ หากจับกุมตัวนายบินลิง วู ก็แจ้งข้อหา ก่อนนำตัวสั่งฟ้องตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ กรณีว่าพบเจ้าหน้าที่ สตง.มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ด้วยหรือไม่นั้น ตนขอเรียนว่า ในการพิจารณาสำนวนครั้งนี้เป็นเรื่องของคดีนอมินี

นอมินีคนไทยทั้ง 3 คน และนายชวนหลิง จาง ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้มีการเข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ดังนั้น เมื่อเรายึดหลักฟังความทั้งสองฝ่าย ตอนที่เรารวบรวมหลักฐานแล้วพบว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอรับฟังได้ว่ามีการกระทำผิด จึงแจ้งข้อหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาอธิบายชี้แจง แต่ผู้ต้องหาไม่ได้นำพยานหลักฐานมาชี้แจงตามกำหนด ดีเอสไอจึงต้องประชุมมีความเห็นทางคดีตามขั้นตอน ซึ่งคดีนอมินีมีจำนวนเอกสารมาก อยู่ระหว่างการจัดเรียง โดยเมื่อคณะพนักงานสอบสวนมีมติแล้ว ก็ต้องเสนอยังอธิบดีดีเอสไอพิจารณา ก่อนสรุปส่งสำนวนให้พนักงานอัยการคดีพิเศษ


พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า สำหรับคดีฮั้วประมูลที่แยกรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งคดีนั้น จะยังไม่ได้โฟกัสในมาตราใดเป็นพิเศษ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะมีประเด็นเกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยจะเน้นไปตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ คือ สัญญาการก่อสร้าง สัญญาการออกแบบ สัญญาการควบคุมงาน อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้เรียกสอบปากคำกลุ่มผู้เสนอราคา (6 นิติบุคคล) ผู้จัดทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี รวมถึงผู้รับงานก่อสร้าง พบความผิดปกติหรือไม่นั้น ส่วนนี้จะอยู่ในคดีพิเศษฮั้วประมูล

พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า สำหรับพฤติการณ์ของนายบินลิง วู ที่พบความเชื่อมโยงว่าอาจเกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ แต่ไม่ปรากฏชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในโครงสร้างบริษัท แต่กลับพบว่ามีชื่ออยู่ในบริษัทอื่น ที่ใช้ที่ตั้งบริษัทเดียวกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ คงจะอธิบายเช่นนั้นไม่ได้ แต่ข้อเท็จจริงคือเรานำเสนอศาลแล้ว และศาลเห็นว่าว่าจะพยานหลักฐานที่เรานำเสนอไป มีเหตุอันควรที่จะออกหมายจับไว้ ฉะนั้นการที่มีหมายจับเป็นการที่เรามองหลักฐานจากฝั่งผู้กล่าวหา แต่เมื่อได้ตัวมาแล้วก็อยากฟังคำชี้แจงของผู้ต้องหา ว่ามีข้อแก้ตัวและข้ออธิบายอย่างไรบ้าง สุดท้ายการสั่งคดีมันต้องฟังความทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าเราพยายามสื่อสารคนใกล้ตัวของเขาว่าให้เข้ามาแสดงตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการ เพราะการสอบสวนถือเป็นกระบวนการยุติธรรมชั้นต้นเท่านั้น เจ้าตัวยังมีโอกาสได้อธิบายความ ยังมีชั้นอัยการที่จะกรองสำนวน และยังต่อสู้ในชั้นศาลได้

ต่อข้อถามว่า นายบินลิง วู มีหมายจับของศาลอาญารัชดาภิเษก แต่กลับไม่ยินยอมเข้าพบพนักงานสอบสวน จะกลายเป็นเงื่อนไขในการค้านประกันตัวหรือไม่นั้น พ.ต.ต.วรณัน เผยว่าการสอบสวนเมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็จะกลายเป็นชั้นการพิจารณาของพนักงานอัยการ


สำหรับการสอบสวนปากคำคณะกรรมการตรวจรับ จัดซื้อจัดจ้างของ สตง. ว่าพบความผิดปกติใดหรือไม่นั้น ทราบว่าทางฝ่ายเลขาของคณะพนักงานสอบสวนได้มีการสอบสวนปากคำคณะกรรมการทั้ง 3 โครงการอยู่ ส่วนจะพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีความผิดฮั้วประมวลหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐมาเกี่ยวข้องก็จะไปเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งดีเอสไอก็จะต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีฮั้วประมูลฯ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในคดีพิเศษฮั้วประมูล มีความคืบหน้าไปพอสมควร ซึ่งยังคงต้องติดตามบริษัทที่เกี่ยวข้องใน 3 สัญญา ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่เข้ามายื่นข้อเสนอราคา คณะพนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการติดตามมาสอบสวนปากคำให้ครบ.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

สดุดี 3 ทหารกล้า สมรภูมิปราสาทตาควาย

25 ก.ค.- กองทัพภาคที่ 2 สดุดี 3 ทหารกล้า สละชีพ สมรภูมิปราสาทตาควาย หลังกัมพูชายิงจรวด BM-21 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันมีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโล่กำบัง โดยทหารที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ -สำนักข่าวไทย