27 ก.พ. – ตำรวจ ปอท. ร่วมกับตำรวจสิงคโปร์ แกะรอยถอดหน้ากากแฮกเกอร์ระดับโลก หลังแฮกข้อมูลบริษัทดัง ปล่อยขายตลาดมืด
พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. นำแถลงข่าวการปฏิบัติการของ กก.1 ปอท. ร่วมกับตำรวจสิงคโปร์จับผู้ต้องหามือแฮกเกอร์ระดับโลก หลังแฮกข้อมูลบริษัทดัง ปล่อยขายตลาดมืด ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ ปอท. หลังพบว่ามีบุคคลแฮกข้อมูลของบริษัท ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย และยังมีการข่มขู่แลกเงิน จนตรวจเจอว่ามีผู้ใช้ X ชื่อ 0mid16B Group โพสต์ขายข้อมูลของ บ.ตน และยังมีลักษณะคล้ายคลึงกับ “Desorden GhostR” ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการแฮกเกอร์ระดับโลก มีพฤติกรรมโจมตีหลายประเทศ หลังโจมตีเสร็จจะมีการขายข้อมูลผ่านตลาดมืดแบบผิดกฎหมาย
จากการสืบสวนของตำรวจ ปอท.และตำรวจสิงคโปร์ ทำให้สามารถแกะรอยคนร้าย และรวบรวมหลักฐานอย่างหนาแน่น และรัดกุม ก่อนมีการออกหมายจับและตามจับตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา ผู้ต้องหาเป็นชาย 1 ราย อายุ 39 ปี ชาวสิงคโปร์ จากการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาพบของกลางหลายรายการทั้งคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูหลายรายการ และได้ตรวจยึดรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
ความเสียหายแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ทั้งภาคประชาชนและภาคองค์กร ทางองค์กรต้องมีรหัสรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น ควรเข้ารหัสข้อมูลสำคัญและจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลให้เหมาะสม ส่วนประชาชนจะต้องตระหนักรู้ว่าการที่มีคนนำข้อมูลของเรามาใช้สามารถเกิดได้ เวลาที่มีใครก็ตามโทรมาหาเรา หรือพยายามติดต่อเราด้วยข้อมูลส่วนตัวต้องระมัดระวัง และให้ข้อมูลกับภาครัฐหรือ บ.เอกชนเท่าที่จำเป็น ใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการส่งข้อมูล พยายามหลีกเลี่ยงการใช้เบอร์โทรหรืออีเมล ที่มีข้อมูลส่วนตัวในการสมัครต่าง ๆ
ตัวผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เริ่มแฮกฯ ข้อมูลของ บ.ทั้งในไทยและต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2563 มีการโจมตีบริษัทไปแล้วกว่า 70 ครั้ง แบ่งเป็นบริษัทในไทย 20 ราย และในต่างประเทศกว่า 50 ราย ไม่ได้เจาะจงว่าจะเป็น บ. ไหน แต่จะมีการเจาะฐานข้อมูลไปเรื่อยๆ ในการซื้อขาย คือ มีการโพสต์ผ่าน X ว่ามีฐานข้อมูล ส่วนเงินที่โอนจะเป็นเงินคริปโทเคอร์เรนซี ส่วนคนที่ซื้อข้อมูลก็เป็นบุคคลที่ไม่รู้จักกัน แค่ติดต่อกันทาง X เพียงเท่านั้น ส่วนราคาจะอยู่ที่ว่าเป็น Data บริษัทอะไร ขนาดเล็กใหญ่แค่ไหน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10,000 USTD
จากการตรวจสอบ ยังไม่พบการเจาะฐานข้อมูลของภาครัฐ มีเพียงบริษัทเอกชน และยังไม่เจอการจ่ายเงินจากการข่มขู่ในประเทศไทย มีเพียงต่างชาติที่ยอมจ่ายให้ จนทำให้แฮกเกอร์คนนี้เป็นบุคคลที่ต้องการในระดับนานาชาติเช่นเดียวกัน จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหากระทำคนเดียว และมีฐานที่พักอาศัยในประเทศไทย เนื่องจากมีภรรยาเป็นคนไทย และอยู่มานานจน Overstay จากการพูดคุยเบื้องต้น รู้ว่าผู้ต้องหาเป็นคนที่เก่งด้านคอมพิวเตอร์ มีงานเบื้องหน้าเป็นการให้คำปรึกษาด้านไซเบอร์
เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งความผิดฐาน เข้าถึงโดยไม่ชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ, พยายามกรรโชกทรัพย์ และคนต่างด้าวเข้าอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด. -420-สำนักข่าวไทย