1 ก.พ. – ป.ป.ส. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 คน ซุกซ่อนเฮโรอีน 14.8 กก. ในเครื่องทำสเลอบี้ เตรียมจัดส่งปลายทางไต้หวัน แต่ถูกตรวจยึดได้ที่บริษัทขนส่งเอกชน ในพื้นที่ กทม.
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ในห้วงวันที่ 29 – 30 มกราคม 2568 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. บูรณาการความร่วมมือกับ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และหน่วยข่าวกรองทหาร ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ขกท.ศปก.ทบ.) ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา จำนวน 2 คน คือ นายปฏิพัทธ์ และ นายสุภเดช ในข้อกล่าวหา “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เฮโรอีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และร่วมกันพยายามส่งออกยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เฮโรอีน) ออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” (โดยบุคคลทั้ง 2 มีบทบาทเป็นผู้จัดส่งยาเสพติดที่ซุกซ่อนในเครื่องทำสเลอบี้ เตรียมจัดส่งปลายทางไต้หวัน) เหตุเกิดที่ เขตประเวศ และเขตลาดกระบัง กทม.
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การจับกุมตามหมายจับดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ บก.ปส.1 บช.ปส. ตรวจยึดเฮโรอีน น้ำหนัก 14.8 กิโลกรัม (40 แท่ง) ซุกซ่อนในเครื่องทำสเลอบี้ 2 เครื่อง เตรียมจัดส่งปลายทางไต้หวัน ผ่านการขนส่งทางท่าอากาศยาน เหตุเกิดที่บริษัทขนส่งเอกชน ในพื้นที่ กทม. จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนขยายผล จนกระทั่งทราบว่า ผู้จัดส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติด คือ นายปฏิพัทธ์ และนายศุภเดช ตนจึงมอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สั่งชุดปฏิบัติการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับ บุคคลที่เกี่ยวข้องรวม 3 คน จนนำมาซึ่งการจับกุมบุคคลในเครือข่ายดังกล่าว จำนวน 2 คน และหลบหนีไปได้ 1 คน
เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหาการค้ายาเสพติดในลักษณะเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ยังคงมีความพยายามลักลอบค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สาม การบูรณาการความร่วมมือในการทำงานร่วมกันทั้งหน่วยงานภายในประเทศ และหน่วยงานระหว่างประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากในปัจจุบัน ซึ่ง สำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนขยายผลเครือข่ายการค้ายาเสพติด และรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ถึงระดับนายทุนผู้สั่งการ เพื่อขยายผลยึดทรัพย์สินเครือข่ายนี้ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-119-สำนักข่าวไทย