“ทนายตั้ม” มอบหลักฐานเด็ดให้ DSI ตรวจสอบ

หลักฐานดิไอคอน

ดีเอสไอ 21 ต.ค. – “ทนายตั้ม” มอบหลักฐานเด็ดให้ DSI ตรวจสอบ หลังมีหลักฐานนัดเจอบอส The Icon group ในร้านดังใกล้บริษัท


นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อเข้าพบ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีฟอกเงิน กับนายสามารถ กรณีที่มีคลิปเสียงปรากฏเรียกรับเงินจาก “บอสพอล” ดิไอคอน กรุ๊ป

ทนายตั้ม ระบุว่าประเด็นหลักๆ ที่มา คือขอให้มีการตรวจสอบคลิปและดำเนินคดีในเรื่องของการฟอกเงินแก่นายสามารถ โดยได้นำพยานหลักฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคลิปเสียงการสนทนา และมีเอกสารการโอนเงิน มามอบให้กับทาง DSI ด้วย และพยานที่มาให้การในวันนี้เป็นพยานที่ค่อนข้างจะสำคัญ เป็นคนที่อยู่ใกล้และติดตัวกับนายสามารถมาก ทางตำรวจขอให้ทาง DSI ดูแลพยานคนนี้เป็นพิเศษเพราะกังวลในความปลอดภัย โดยทางด้านอธิบดีก็รับปากตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้วันนี้ทางพยานกล้ามาให้การ พยานคนดังกล่าวเป็นคนที่อยู่กับนายสามารถ มานานถึง 5 ปี และรู้เห็นว่ามีการไปนัดพบกับผู้บริหารดิไอคอนในวันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 20.00-20.40 น. ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ใกล้ห้างดังแถว ๆ บ.ดิไอคอน


เมื่อวานตนกับ DSI ได้ไปที่ร้านดังกล่าว และเก็บพยานหลักฐานบางส่วนมาแล้ว ถือว่าเป็นหลักฐานที่ค่อนข้างสำคัญ เป็นหลักฐานเด็ดและสามารถมัดตัวคนกระทำผิดได้แน่นอน การที่มีคลิปเสียงว่านายสามารถรับเงินจาก The icon เดือนละ 100,000 บาท ในตอนนี้ The icon โดนข้อหาฉ้อโกงประชาชน / การจ่ายเงินให้นายสามารถ คือการจ่ายเพื่อช่วยในสิ่งผิดกฎหมาย จึงมาแจ้งความเอาผิดฐานฟอกเงินตามมาตรา 3(3) และ มาตรา 5(3) ส่วนนายสามารถ รับเงินไปจะเข้ากระเป๋าส่วนตัวหรือไปที่ไหน ตอนนี้ยังไม่มีการสืบทราบ ล่าสุดเมื่อวานนี้ นายสามารถ ยังโทรหาพยานคนนี้อยู่ และที่พยานออกมาเพราะถูกทำร้าย ซึ่งไม่รู้ว่าถูกใครกระทำถึงขั้นเจ็บแค้นที่ต้องออกมาพูด

เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องจะเงียบหรือไม่ ทนายตั้ม ระบุว่า ต้องมาวัดดูว่าทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดี DSI จะเอาจริงแค่ และจะดูว่าเทวดาศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน ถ้าหลักฐานไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่คงไม่เอาไว้

โดย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่าวันนี้ทางทนายตั้มได้นำตัวพยานคนสำคัญ ที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงิน มาส่งให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ จากนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณาและดำเนินการให้รวดเร็ว ส่วนประเด็นว่าคดีดิไอคอน กรุ๊ป จะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ต้องดูแนวโน้มประกอบกับข้อเท็จจริง หากเข้าเงื่อนไขทางกฎหมายก็จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง DSI กับตำรวจ สำหรับที่ดินที่ได้ยึดอายัดมาก่อนหน้านี้ยืนยันว่าเป็นของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จริง ซื้อมาจากบุคคลธรรมดา ไม่ใช่นิติบุคคล แต่ยังไม่ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับตัวของบอส


กรณีคดีความแชร์ลูกโซ่ Forex WCF เมื่อปี 2566 พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควรแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเปิดช่องทางให้ผู้เสียหายได้ไปลงทะเบียนและให้ข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษทั่วประเทศ สถานะปัจจุบันคำให้การผู้เสียหาย ทยอยกลับเข้ามาที่ตัวคดีแล้วในส่วนของการตรวจสอบด้านอื่นมีการดำเนินการ ควบคู่กันไป

นอกจากนั้นวันนี้ยังมีผู้เสียหายคดีแชร์ลูกโซ่น้ำมันหอมระเหย เดินทางมาร้องเรียนกับทนายตั้ม โดยบอกว่า ถูกหลอกให้ลงทุนแชร์ลูกโซ่ตั้งแต่ปี 2555 แต่ถึงขณะนี้ ผ่านมากว่า 10 ปีแล้วคดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า ผู้เสียหายอ้างว่านายสามารถ ในขณะนั้นเป็นประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยคดี แลกกับการที่ให้ผู้เสียหายในกลุ่มลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งสำคัญ

อย่างช่วงที่มีการเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 นายสามารถได้ติดต่อมายังผู้เสียหายในกลุ่มประมาณ 414 คน ว่าจะเข้ามาช่วยเหลือคดี พาไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์ ร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล ก่อนบอกว่า “ผมช่วยคุณแล้วคุณก็ต้องช่วยผมด้วย” ทำให้ขณะนั้นกลุ่มผู้เสียหายช่วยลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้กับพรรคของนายสามารถ แต่หลังจากลงคะแนนเสียงไปแล้วปรากฏว่านายสามารถก็เงียบหายไม่ช่วยเหลือคดีต่อ มาถึงขนาดนี้ผู้เสียหายก็ยังไม่ได้รับเงินคืนหรือได้รับการช่วยเหลือเยียวยาใดๆ เลย ทำให้ผู้เสียหายกังวลว่าคดีจะเงียบหายจึงรวมตัวกันมาร้องเรียนกับทนายตั้ม

ด้านทนายตั้มบอกว่า ผู้เสียหายมาร้องเรียน กรณีที่นายสามารถขอให้กลุ่มผู้เสียหายช่วยลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแลกกับการช่วยเหลือคดีแต่พอลงคะแนนเสียงให้กลับปล่อยทิ้งซึ่งเบื้องต้นได้มีการติดต่อประสานกับทางดีเอสไอให้ช่วยเหลือคดีนี้แล้ว. -420-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]