ป.ป.ส.ปูพรมปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่อยุธยา จับผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า

22 ส.ค. – ป.ป.ส.ภ.1 ร่วมกับภาคี ไล่ล่าผู้ค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ปูพรมปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 16 อำเภอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 83 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 2,894 เม็ด พร้อมยึดทรัพย์มูลค่ารวม 1,098,780 บาท


พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มอบหมายให้ นางจีระพรรณ กาญจนประดิษฐ์ ผอ.ป.ป.ส.ภ.1 เข้าร่วมในการปล่อยแถวปฏิบัติการ “ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ครั้งที่ 2/67” ในเขตพื้นที่ภาคกลาง จังหวัดเป้าหมายพระนครศรีอยุธยา โดยมี พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา 83 ราย ยึดของกลางยาบ้า 2,894 เม็ด อาวุธปืน 6 กระบอก เครื่องกระสุน 68 นัด วัตถุระเบิด 1 ลูก และยึดทรัพย์มูลค่ารวม 1,098,780 บาท

ผอ.ป.ป.ส.ภ.1 กล่าวว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดภายในระยะเวลา 3 เดือน (1 มิ.ย.-31 ส.ค.67) ภายใต้คำสั่งคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการฯ กำชับให้หน่วยงานในระดับพื้นที่ทุกจังหวัด แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง และเด็ดขาด โดยมีเป้าหมายในการปฏิบัติการครั้งนี้ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งสิ้น107 เป้าหมาย ในพื้นที่ 16 อำเภอ มุ่งเน้นการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดจากผู้ค้ายาเสพติด ในหมู่บ้านชุมชน รวมถึงเพื่อเป็นการขยายผลไปสู่การจับกุมผู้ค้ารายสำคัญในพื้นที่ ตลอดจนการค้นหาผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา


ต่อมานางจีระพรรณ พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รองผู้บังคับการฯ และผู้กำกับการสถานีตำรวจ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมประชุมสรุปผลการปฏิบัติการ “ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ครั้งที่ 2” โดยผลการปฏิบัติการเป้าหมายจำนวน 107 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 83 ราย ยึดของกลางยาบ้า 2,894 เม็ด อาวุธปืน 6 กระบอก เครื่องกระสุน 68 นัด วัตถุระเบิด 1 ลูก และยึดทรัพย์มูลค่ารวม 1,098,780 บาท

ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส.จะดำเนินการปฏิบัติการ “ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย” ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาให้กับหมู่บ้าน/ชุมชน และประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่าหมู่บ้าน/ชุมชน ของตนเองนั้นจะปลอดจากยาเสพติด รวมถึงการนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดเพื่อปรับเปลี่ยนแนวคิด และพฤติกรรม ให้ผู้เสพสามารถกลับมาใช้ชีวิตในหมู่บ้าน/ชุมชน ได้อย่างมีคุณค่าและเป็นปกติสุข. -119-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก