จับเครือข่ายสมุน “อาร์ท ต่ำเอี่ยว” ยึดไอซ์พันกิโล

กรุงเทพฯ 12 พ.ค.-รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แถลงจับเครือข่ายสมุน “อาร์ท ต่ำเอี่ยว” พ่อค้ายารายใหญ่ หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน ยึดของกลางไอซ์พันกิโล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. และในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 และคณะทำงาน ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด “อาร์ท ต่ำเอี่ยว” พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 40 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน


พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด “ทีมโกดังยาเสพติด อาร์ท ต่ำเอี่ยว” นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 2 และเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญจำนวนหลายคดี จนนำไปสู่การจับกุมนักค้ายาเสพติด และทีมลำเลียงยาเสพติดได้จำนวนมากหลายคดี และทำให้ทราบว่าเครือข่ายยาเสพติดของนายอภิวิชญ์ หรืออาร์ท ต่ำเอี่ยว ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับและหลบหนีไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านได้ลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากมาเก็บพักไว้และกระจายให้กับกลุ่มผู้รับซื้อในพื้นที่ชั้นในของประเทศไทย คือ กทม. และโดยรอบปริมณฑล อีกทั้งจากการสืบสวนทราบว่านายดิเรก หรือแด๊ก (สมุนของนายอาร์ท) มีหน้าที่จัดทีมลำเลียงยาเสพติดมาเก็บไว้เพื่อรอส่งมอบให้กับลูกค้าตามคำสั่งของนายอาร์ท ต่ำเอี่ยว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวนจับกุม จึงได้บูรณาการกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของนายดิเรก สมุนของนายอาร์ท ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา จากการสืบสวนทราบว่านายดิเรกได้ใช้รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น Fortuner สีเทา เป็นยานพาหนะในการสำรวจเส้นทางด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และใช้รถยนต์กระบะตู้ทึบยี่ห้อ ISUZU สีขาว ทะเบียน 1 ฒณ 6134 เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สะกดรอยติดตามจนกลุ่มของนายดิเรกทราบว่าได้ถูกติดตาม จึงแยกย้ายกันหลบหนี

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถติดตามรถยนต์กระบะตู้ทึบยี่ห้อ ISUZU สีขาว ทะเบียน 1 ฒณ 6134 ซึ่งเป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติดคันดังกล่าวได้ทัน บริเวณริมถนนซอยโยธาธิการ ข้างโรงเรียนนายร้อย จปร. หมู่ที่ 1 ต.พรหมณี อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก ทำให้ได้พบกับนายสมภพ หรือเล็ก เป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและเข้าทำการตรวจสอบ ก่อนจะตรวจยึดของกลาง ได้แก่ 1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือไอซ์ หรือเมทแอมเฟตามีน จำนวน 40 กระสอบ น้ำหนัก 1 ตัน หรือ 1,000 กก. มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท 2.รถยนต์กระบะตู้ทึบยี่ห้อ ISUZU สีขาว ทะเบียน 1 ฒณ 6134 จำนวน 1 คัน ซึ่งใช้ในการลำเลียงยาเสพติด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาแก่นายสมภพ คนขับรถลำเลียงยาเสพติดกระทำผิดฐาน ร่วมกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน


พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำขยายผล นายสมภพ (คนขับลำเลียงยาเสพติด) ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างจากนายดิเรกให้ขับรถลำเลียงยาเสพติดไปตามเส้นทางที่นายดิเรกแจ้งไว้ โดยจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 50,000 บาทเมื่อเสร็จงาน พร้อมยอมรับว่าเคยทำมาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ เป็นการยับยั้งการแพร่กระจายของยาเสพติดไปสู่ประชาชนได้เป็นจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะขยายผลถึงกลุ่มผู้ค้า ผู้สั่งการ และบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด โดยจะนำมาตรการสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือ ฟอกเงิน และยึดทรัพย์สิน มาใช้ดำเนินคดีกับบุคคลที่กระทำความผิดในเครือข่ายยาเสพติดต่อไป

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวด้วยว่า สำหรับของกลางที่บรรจุไอซ์นั้น จะพบว่าเป็นหีบห่อสีเขียวคล้ายถุงบรรจุซองผงชาสำเร็จรูป แต่จริงๆ ก็คือผงไอซ์ อีกทั้งจากข้อมูลเชิงลึกทราบว่ากลุ่มขบวนการลูกน้องนายอาร์ท ต่ำเอี่ยว มีความคิดที่จะต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหากมีการจับกุมเกิดขึ้น ตนจึงได้บอกชุดปฏิบัติการว่าในกรณีที่เราเข้าจับกุมตัวหรือตรวจค้น แล้วถูกทำร้ายร่างกาย อาจมีความจำเป็นต้องป้องกันชีวิตของตัวเอง ซึ่งต้องใช้มาตรการรุนแรง ดังนั้น ตนจึงขอเตือนไปยังผู้ที่คิดจะเข้าไปร่วมขบวนการนี้ขอให้ถอนตัวแต่โดยดี ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องใช้มาตรการเด็ดขาดในการปราบปรามจับกุม และขอย้ำว่าในการรับว่าจ้างขนส่งลำเลียงอะไร ขอให้ตรวจสอบให้ดีถี่ถ้วนและต้องมั่นใจว่าไม่ใช่การกระทำผิดกฎหมายหรือขนสินค้าผิดกฎหมาย หากทำโดยรู้ทั้งรู้ว่าเป็นการขนลำเลียงยาเสพติดก็ย่อมมีความผิดร่วมด้วย ได้เงินค่าจ้างหลักหมื่น ไม่คุ้มกับอัตราโทษ

ขณะที่ พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า ใครก็ตามที่ให้ที่พักพิงหลบซ่อนแก่ลูกน้องของนายอาร์ท จะต้องมีความผิดร่วมด้วย และขอเตือนเยาวชนที่จะไปเข้าร่วมขบวนการลำเลียงยาเสพติด ขออย่าไปข้องเกี่ยว ส่วนบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกับเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวสามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ได้ เราพร้อมให้ความช่วยเหลือและปกปิดแหล่งที่มาของข่าว


ด้าน พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า สำหรับการติดตามสะกดรอยจับกุมขบวนการเครือข่ายนายอาร์ท ต่ำเอี่ยว เราได้รับข้อมูลมาเกือบปีแล้ว ลักษณะของการกระทำความผิด คือ คนสั่งการอยู่นอกประเทศ (นายอาร์ท) และสั่งให้สมุนของตัวเองในประเทศไทยดำเนินการให้ อย่างไรก็ตาม ข่าวความเคลื่อนไหวของเครือข่ายนายอาร์ททั้งหมดเราทราบตัวบุคคลแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะดำเนินคดีโดยเคร่งครัด และจะเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป หากประชาชนท่านใดมีเบาะแสสามารถแจ้งมาได้ ส่วนข้อมูลเชิงลึกว่าในจำนวนไอซ์ ล็อต 1 ตันนี้ได้มีการส่งออกไปยังต่างประเทศหรือไม่นั้น เบื้องต้นพบว่าเป็นการส่งไปขายยังภาคตะวันออก ยังไม่พบการส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ.-419.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

โฆษก ทบ.ลั่น หยุดยิงไม่ได้ “กัมพูชา” เปิดฉากยิงทหารไทยแต่เช้าตรู่

กทม. 27 ก.ค.-โฆษก ทบ.ลั่น หยุดยิงไม่ได้ กัมพูชาโจมตีทหารไทยแต่เช้าตรู่ หลัง “ทรัมป์” ขอให้หยุดยิง พบบ้านเรือนประชาชนเสียหายจากจรวดBM-21 เมื่อวันที่ 27 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หารือ นายกฯ กัมพูชา และนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ หากไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาเรื่องภาษีสหรัฐนั้น ว่า กัมพูชายังไม่หยุดยิง และยังตอบโต้มาอยู่ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ มีจรวดตกนอกเขตปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ เมื่อเวลา 04.30 น. ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงทหารไทย ด้วยเครื่องยิงจรวดบีเอ็ม-21 แต่ด้วยเป้าหมายของทางกัมพูชาไม่ใช่พื้นที่ทางทหาร แต่เป็นบ้านเรือนประชาชน รวมถึงสถานพยาบาล และชุมชน โดยเมื่อ เวลา 06.30 น. กระสุนปืนใหญ่ (ไม่ทราบชนิด) ตกบริเวณพื้นที่ บ้านตาโสร์ ม.10 ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สรินทร์ […]

“ภูมิธรรม” เผยเห็นชอบข้อเสนอ “ทรัมป์” แต่กัมพูชาต้องจริงใจหยุดยิง

กรุงเทพฯ 27 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เผยคุย “ทรัมป์” เห็นชอบข้อเสนอหยุดยิง แต่ต้องการเห็นความตั้งใจจริงของกัมพูชาและเร่งหารือทวิภาคี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านfacebook Phumtham Wechayachai เมื่อคืนวานนี้ (27 ก.ค.) ว่า ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เสนอให้ประเทศไทยและกัมพูชาดำเนินการหยุดยิงโดยทันที เพื่อยุติความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นบริเวณชายแดน ฝ่ายไทยได้แสดงความขอบคุณต่อความห่วงใยและความปรารถนาดีจากสหรัฐฯ พร้อมยืนยันว่า “ในหลักการ ฝ่ายไทยเห็นชอบต่อการหยุดยิง” อย่างไรก็ดี ไทยยังต้องการเห็น “ความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาในเรื่องดังกล่าว” ไทยจึงได้ขอให้สหรัฐฯ ช่วยถ่ายทอดจุดยืนนี้ไปยังกัมพูชา โดยเสนอให้มีการหารือแบบทวิภาคีโดยเร็วที่สุด และให้กัมพูชาแสดงความจริงจังและจริงใจ เพื่อกำหนดมาตรการและกระบวนการที่ชัดเจนในการหยุดยิง ซึ่งจะนำไปสู่การยุติข้อพิพาทอย่างสันติและยั่งยืนในระยะยาว การเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของนานาชาติในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา สำหรับข้อความที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Phumtham Wechayachai ระบุว่า “เมื่อครู่ที่ผ่านมา ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เสนอให้ประเทศไทยและกัมพูชาดำเนินการหยุดยิงโดยทันที ผมได้กล่าวขอบคุณต่อความห่วงใยและความปรารถนาดีของฝ่ายสหรัฐฯ และยืนยันว่า […]

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ-อีสาน

กทม. 27 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. […]

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย