กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. – ตำรวจจับกุม 4 ผู้ต้องหาแก๊งลักทรัพย์ งัดบ้านร้างประกาศรอขาย ยกเค้าตู้เซฟเงินสด พระเครื่อง ของสะสม รวมมูลค่าราว 12 ล้านบาท
วันที่ 23 ธ.ค.66 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม และ พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9 สนธิกำลังฝ่ายสืบสวน จับกุมตัวนายสุชาติ อายุ 50 ปี นายมานพ อายุ 64 ปี นายขจรศักดิ์ อายุ 46 ปี และนายอดิเทพ อายุ 31 ปี ทั้ง 4 ราย เป็นผู้ต้องหาแก๊งลักทรัพย์ พร้อมของกลาง รถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า สีส้ม ทะเบียนกรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร พระเครื่อง พระบูชา แสตมป์สะสม ของโบราณ และสุราต่างประเทศชนิดต่างๆ รวมมูลค่าของกลางที่ตามกลับมาได้กว่า 1 ล้านบาท โดยจับกุมตัวได้ทั้ง 4 ราย จากการขยายผลหาตัวผู้กระทำความผิดแบบเป็นเครือข่าย ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสรธร อายุ 48 ปี เจ้าของบ้านหลังหนึ่ง ปากซอยบางแค 7 แยก 7 แขวงและเขตบางแค กทม. ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ว่า บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ไม่มีผู้ใดอยู่อาศัย เนื่องจากติดประกาศขาย รอให้ผู้สนใจติดต่อมาขอซื้อ โดยตนเองและครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อื่น นานๆ จะเดินทางมาดูบ้านสักครั้ง กระทั่งประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ ไม่ได้แวะมาดูบ้านเลย พอแวะมาอีกทีจึงพบว่าบ้านถูกงัดแงะ กุญแจประตูทางเข้าถูกทำลายได้รับความเสียหาย เมื่อสำรวจทรัพย์สินที่เก็บไว้ภายในบ้าน ปรากฏว่า ตู้เซฟโดนงัด นำเงินสดจำนวน 500,000 บาทไป นอกจากนี้ยังมีพระเครื่อง พระบูชา แสตมป์ สุราต่างประเทศ ของโบราณ และของสะสม ซึ่งเป็นของบิดาที่ท่านเก็บรักษามาทั้งชีวิต มูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท สูญหายไปด้วย จึงเดินทางเข้าแจ้งความให้ตำรวจช่วยหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมช่วยกันลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ พบว่า คนร้ายทั้ง 4 ราย สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาก่อเหตุลักทรัพย์ที่บ้านหลังดังกล่าวถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยทุกครั้งที่ลงมือก่อเหตุจะใช้ยานพาหนะเป็นรถแท็กซี่ของกลางคันดังกล่าว ซึ่งเป็น ของนายมานพ เดินทางมาขนทรัพย์สินและพากันหลบหนี กว่าผู้เสียหายจะทราบเรื่องก็ปลายเดือน พ.ย.แล้ว เนื่องจากไม่มีเวลามาดูบ้าน เมื่อพิจารณาดูตำหนิรูปพรรณสัณฐานเบื้องต้น ทราบว่า แก๊งนี้มีนายสุชาติ เป็นหัวโจก เพราะเจ้าตัวเคยต้องคดีลักทรัพย์ในลักษณะเดียวกันมาก่อน จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานไปดำเนินการตามจับกุมตัวทั้ง 4 รายได้ ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นจึงเร่งติดตามเอาของกลางของผู้เสียหายที่กลุ่มผู้ต้องหานำไปขายกลับมาได้จำนวนหนึ่ง
สอบสวนนายสุชาติ หัวหน้าแก๊ง ยอมรับว่า เคยถูกตำรวจ สน.ตลิ่งชัน จับกุมคดีลักทรัพย์ ติดคุกนานถึง 10 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน ส่วนบ้านหลังที่เกิดเหตุถูกพบว่าเป็นบ้านร้าง ติดประกาศรอขายอยู่นาน ไม่มีใครมาดูแล กระทั่งนายมานพ และนายขจรศักดิ์ สมุนในแก๊ง สามารถงัดเข้าไปสำรวจภายในได้ก่อน พบมีทรัพย์สินที่เจ้าของทิ้งไว้จำนวนมาก ตนและนายอดิเทพ จึงเข้าร่วมทีมสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปช่วยกันขนทรัพย์สินออกมา และช่วยกันนำอุปกรณ์ไปงัดตู้เซฟ โดยพากันเข้าไปลักทรัพย์ถึง 3 ครั้ง ได้เงินสดและของกลางออกมาขายตามร้านรับซื้อของเก่ากับพวกเซียนพระ แบ่งเงินกันไปใช้จ่ายจนหมด ก่อนถูกติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ถูกแจ้งข้อหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายซึ่งสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหากท่านใดสงสัยเคยถูกคนร้ายแก๊งนี้ยกเค้าทรัพย์สิน ขอให้เดินทางมาดูของกลางได้ เนื่องจากยังมีพระเครื่อง ผ้ายันต์ และของโบราณอื่นๆ กำลังถูกอายัดเข้ามาที่โรงพักจำนวนมาก.-413-สำนักข่าวไทย