กรุงเทพฯ 22 ต.ค. – สืบนครบาลรวบ “อาจารย์เต้ย” อดีตนักปั้น TOP MODEL หลอกขายฝันเหยื่อกว่า 10 ราย ความเสียหาย 10 ล้านบาท
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. เร่งรัดปราบปราม จับกุม กลุ่มบุคคลหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน รวมถึงกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงที่ขายความฝันและโอกาสให้แก่เด็กที่อยากจะเข้าสู่วงการบันเทิง หลอกลวงผู้ปกครองที่สนใจให้สมัคร และอ้างว่าสามารถที่จะนำพาเด็กประกวดเดินแบบและถ่ายแบบ ทั้งในไทยและต่างประเทศ โอนเงินให้แก่ทางกลุ่มบุคคลดังกล่าว เป็นจำนวนรายละกว่า 100,000-200,000 บาท อันเป็นการสร้างความเดือดร้อนผิดหวังให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีความฝัน โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล รับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้ปกครองที่ตกเป็นเหยื่อในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานครจำนวนหลายราย ว่ามีอดีตนักปั้น ซึ่งเป็นที่รู้จักในยุคปี 2562 เปิดเฟจเฟซบุ๊กในสื่อสังคมออนไลน์ ชักชวนให้ผู้ปกครองที่สนใจนำบุตรหลานเข้าสมัครประกวดการเดินแบบและถ่ายภาพ เพื่อเป็นบันไดเข้าสู่วงการบันเทิง โดยหลอกลวงให้ผู้ปกครองโอนเงินค่าใช้จ่ายในการสมัคร และค่าเดินทางไปเดินแบบและถ่ายแบบ ทั้งในและต่างประเทศ เข้าบัญชีธนาคารของตน แต่พอถึงกำหนดนัดหมายก็มิได้เป็นไปตามข้อตกลงที่ให้ไว้ จนมีกลุ่มผู้ปกครองจำนวนหลายสิบรายได้รับความเสียหาย รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. จึงได้สั่งการให้ชุดลาดตระเวนออนไลน์ ประกอบด้วย พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู, พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1, พ.ต.ต.กฤตวัฒน์ ขุนอินทร์ สว.กก.สส.1ฯ, ร.ต.อ.ปรัชญา โคตรสาขา รอง สว.กก.สส.1ฯ, ด.ต.มานพ มากบุญ กับพวก จับกุมตัวนายจรุงศักดิ์ อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นบุคคลตามภาพถ่ายของผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.3143/2566 ลงวันที่ 19 กันยนยน 2566 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวได้ที่บริเวณหน้าบ้าน ในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 เวลา 12.00 น.
จากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ถูกจับกุม พบว่า ผู้ถูกจับมีหมายจับค้างเก่าเพิ่มเติม อีกจำนวน 1 หมาย
- หมายจับของศาลอาญา ที่ จ.3123/2566 ลงวันที่ 19 กันยายน 2566 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
และจากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียหายจำนวน 3 ราย ตกเป็นเหยื่อ ได้รับความเสียหายมูลค่ากว่า 350,000 บาท และยังพบว่ามีผู้ปกครองตกเป็นเหยื่อจำนวนหลายรายเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวก ในพื้นที่ สน.มักกะสัน อีกจำนวนหนึ่ง
จากการสอบถามผู้ถูกจับให้การภาคเสธ โดยรับว่า ตนได้เปิดบริษัทจริง ในฐานะกรรมการผู้จัดการ และเปิดเพจเฟซบุ๊ก ในลักษณะสาธารณะ พร้อมทั้งประกาศข้อความชักชวนว่า รับสมัครประกวดเดินแบบเด็กและเยาวชน เพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง โดยมีการเสียค่าสมัครประกวดเดินแบบ (ค่าแรกเข้า) จากนั้นได้มีการติดต่อพูดคุยกับผู้ปกครองว่ามีงานเทรนนิ่งเดินแบบ และมีงานประกวดเดินแบบ ทั้งในและต่างประเทศ หากผู้ปกครองท่านใดสนใจ จะต้องโอนเงินค่าใช้จ่าย ค่าเดินทางในการเดินแบบ ให้ทางบริษัทตนเสียก่อน โดยอ้างว่าทางผู้ปกครองจะได้รับเงินค่าจ้างในการเดินแบบหลังจากเสร็จงาน แต่ผู้ถูกจับอ้างว่าเกิดปัญหาและข้อขัดข้องในการติดต่อประสานงานเรื่องเดินทาง และกับทางเจ้าภาพผู้จัดการประกวด เนื่องจากเป็นช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงไม่สามารถนำเด็กและผู้ปกครองไปเข้าร่วมการประกวดดังกล่าวตามที่สัญญาได้ จนเป็นเหตุให้บริษัทของตนเกิดปัญหาทางการเงิน และได้ปิดตัวลงในช่วงปลายปี 2565 ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาล IDMB จับกุมได้ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่า ผู้ต้องหาได้เปิดบริษัท และเปิดเพจเฟซบุ๊ก ในลักษณะเปิดเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงและมองเห็นได้ มีการประกาศข้อความชักชวนว่า รับสมัครประกวดและเดินแบบเด็กและเยาวชน เพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง จากนั้นเมื่อมีผู้ปกครองบุตรหลานสนใจทักไปหาผู้ถูกจับกุม ผู้ถูกจับกุมจะชักชวนสมัครประกวด โดยเสียค่าใช้จ่ายแรกเข้า เพื่อเทรนนิ่งเดินแบบตามห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โดยคิดค่าสมัครแรกเข้าเด็ก คนละ 1,000 บาท
ต่อมาผู้ถูกจับได้ชักชวนให้ผู้ปกครองนำบุตรหลานเข้าร่วมประกวดการเดินแบบและถ่ายแบบในงานประกวด “Miss International” เพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง ณ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านพัทยา โดยจะต้องเสียค่าสมัครประมาณ 5,000 บาท/คน อีกทั้งยังจะต้องโอนค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิ ค่าประกันงาน ค่าสปอนเซอร์ ค่าเดินทางเข้าประกวด ประมาณ 40,000-50,000 บาท ต่อผู้เข้าประกวด 1 คน (ไม่รวมผู้ติดตาม) โดยผู้ถูกจับอ้างว่า ทางผู้ปกครองจะได้รับเงินคืนหลังจากเสร็จสิ้นการประกวด หากเป็นกรณีที่ผู้ถูกจับชักชวนให้ผู้ปกครองนำพาบุตรหลานเข้าประกวดเดินแบบในต่างประเทศ อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น จะต้องเสียค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในการติดตามบุตรหลาน ท่านละประมาณ 10,000-20,000 บาท อีกทั้งทางผู้ถูกจับอ้างว่า ผู้ปกครองจะได้รับเงินค่าจ้างเดินแบบให้แก่บุตรหลานคืน คนละประมาณ 10,000-20,000 บาท โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเด็กแต่อย่างใด
หลังจากที่ผู้ปกครองโอนค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่ผู้ถูกจับ ผู้ถูกจับได้เชิดเงินหลบหนี อีกทั้งซ้ำร้ายพบว่า เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย ผู้ปกครองพร้อมบุตรหลานบางรายได้เดินทางไปรอขึ้นเครื่อง เมื่อสอบถามทางสายการบินกลับพบว่า ไม่มีการจองการเดินทางดังกล่าวแต่อย่างใด และไม่สามารถติดต่อกับผู้ถูกจับได้ อันเป็นการทำลายความหวัง ความฝัน ของเด็กและผู้ปกครองอย่างแสนสาหัส ด้วยอุบายและพฤติการณ์หลอกลวงของผู้ถูกจับดังกล่าวข้างต้น เป็นเหตุให้มีผู้ปกครองต่างหลงเชื่อ โดยอาศัยความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจของผู้ปกครองที่คาดหวังให้บุตรหลานของตนเข้าสู่วงการบันเทิง ต่างโอนเงินให้แก่ผู้ถูกจับ เป็นจำนวนรายละกว่า 100,000-200,000 บาท
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงฝากประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มผู้ปกครองบุตรหลาน ซึ่งคาดว่าจะตกเป็นเหยื่อและได้รับผลกระทบจากกลุ่มบุคคลดังกล่าว สามารถแจ้งและสอบถามมายังกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล อีกทั้งยังขอเตือนภัยไปยังผู้ปกครองและบุตรหลานที่มีความฝันในการเข้าสู่วงการบันเทิงทุกท่าน ควรตรวจสอบและพิจารณาให้ถี่ถ้วนรอบคอบเสียก่อน เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว และหากพบเบาะแสของกลุ่มมิจฉาชีพลักษณะนี้ สามารถแจ้งเข้ามาที่เพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะไม่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. – สำนักข่าวไทย