สืบนครบาลรวบสองสามีภรรยา รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

13 ต.ค. – สืบนครบาลจับกุมสองสามีภรรยา รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้าง สภ.เมืองเชียงใหม่


ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. และชุด PCT5 ได้รับร้องเรียนจากประชาชนผ่านเพจสืบนครบาล IDMB ให้ช่วยสืบสวนจับกุมตัว นายเอสนะ พฤติการณ์โทรศัพท์หาผู้เสียหาย สวมรอยว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นหนี้บัตรเครดิตและยังไม่ได้ชำระ อีกทั้งยังพัวพันคดีฟอกเงิน แจ้งให้ผู้เสียหายเดินทางไปที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ หากผู้เสียหายไม่สะดวกจะทำทีให้ผู้เสียหายแอดไลน์ที่สร้างขึ้น ก่อนส่งต่อให้อีกสายที่ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ เสนอว่าจะช่วยเหลือผู้เสียหายเรื่องหนี้บัตรเครดิต โดยให้โอนเงินจากบัญชีธนาคารไปเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ และหากผู้เสียหายไม่ได้กระทำผิดจะโอนเงินคืนกลับไปให้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไป ภายหลังก็ไม่ได้รับเงินคืน และติดต่อไม่ได้อีก เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เฉพาะรายที่ร้องเรียนกว่า 50,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์สร้างบัญชีไลน์ปลอมขึ้นมา โดยอ้างตัวว่าเป็นนายทหารยศพันเอก มีการแสดงบัตรประชาชน บัตรข้าราชการทหาร (ปลอม) ทักมาทางไลน์ ทำทีจะขายเรือไฟเบอร์กลาสติดเครื่องยนต์ รถจักรยานยนต์เวสป้ามือสอง บ้านน็อกดาวน์ รถยนต์มือสอง เมื่อตกลงราคากันจนเป็นที่พอใจแล้ว คนร้ายจะทำทีแจ้งกำหนดนัดรับสินค้ากับผู้เสียหาย จากนั้นจะขอให้ผู้เสียหายโอนเงินมัดจำก่อนจำนวนหนึ่ง เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้แล้วและไปตามจุดที่นัดหมายรับสินค้า ปรากฏว่าไม่พบตัวผู้ขายและไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้อีก เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะมีประชาชนหลงเชื่อถูกคนร้ายกลุ่มนี้หลอกเสียหายอีกจำนวนมาก นอกจากผู้เสียหายที่ร้องเรียนมาทางเพจสืบนครบาล IDMB


เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และชุด PCT5 ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม

1.นายเอสนะ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 562/2565 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 2.น.ส.ภัทรศนีย์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบรี ที่ 1329/2565 ลงวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2565

ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”


จากการตรวจสอบประวัตินายเอสนะ ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าปัจจุบันตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี จำนวน 5 หมายจับ และสถานะคดีอยู่ระหว่างรอออกหมายจับ จำนวน 4 คดี รวม 9 คดี ประกอบด้วย

(1) ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย” ตามเลขคดี สภ.เมืองนนทบุรี ที่ 182/2555 สถานะหลบหนี/รอออกหมายจับ

(2) ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาฉ้อโกง, ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตามเลขคดี สภ.ศรีราชา ภ.จว.ชลบุรี ที่ 576/2565 สถานะหลบหนี/รอออกหมายจับ

(3) ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาฉ้อโกง, ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตามเลขคดี สน.วังทองหลาง ที่ 933/2565 สถานะหลบหนี/รอออกหมายจับ

(4) ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ตามเลขคดี สภ.เมืองลำปาง ที่ 1706/2565 สถานะหลบหนี/รอออกหมายจับ

(5) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 562/2565 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ท้องที่ สภ.บ้านบึง ภ.จว.ชลบุรี

(6) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 395/2565 ลงวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ท้องที่ สภ.เมืองพิษณุโลก

(7) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพะเยา ที่ จ.9/2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” ท้องที่ สภ.เมืองพะเยา

(8) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.219/2566 ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ท้องที่ สภ.ช้างเผือก

(9) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่ จ.92/2566 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ท้องที่ สภ.ชุมแพ

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถซุ่มเฝ้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ภายในซอยเปี่ยมสุข ตำบลลำโพ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ขณะที่นายเอสนะ ตายใจเดินออกมาจากอพาร์ตเมนต์ไม่ทราบชื่อ ซึ่งใช้เป็นสถานที่หลบซ่อนตัว พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบตัว น.ส.ภัทรศนีย์ อายุ 30 ปี ทราบภายหลังว่าเป็นแฟนสาวของนายเอสนะ ซึ่งเดินออกมาจากที่หลบซ่อนตัวพร้อมกัน เมื่อตรวจสอบประวัติปรากฏพบหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดีอีก 2 หมายจับ เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวดำเนินคดีไปในคราวเดียวกัน

ในชั้นจับกุมนายเอสนะ หรือบังเอส บางกระสอ และ น.ส.ภัทรศนีย์ หรือภัทร ลำโพ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยนายเอสนะรับว่าตนเรียนจบ ปวช.สาขาช่างยนต์ จากวิทยาลัยเทคนิคย่านสะพานสูง หลังจากจบมาตนได้มีการงานทำเป็นหลักแหล่ง ส่วน น.ส.ภัทรศนีย์ รับว่าเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง

ทั้งสองรับสารภาพว่า เมื่อช่วงประมาณต้นปี 2564 มีคนรู้จักมาจ้างให้ตนทั้งสองไปเปิดบัญชีธนาคารต่างๆ ทุกธนาคารหลัก แต่ละครั้งตนทั้งสองจะได้ค่าจ้างในการเปิดบัญชีธนาคารบัญชีคนละ 2,000 บาท โดยคนรู้จักที่จ้างให้ตนทั้งสองไปเปิดบัญชีบอกกันตนทั้งสองคนว่าจะนำบัญชีธนาคารที่ตนเปิดให้นั้นไปใช้ในการทำธุรกิจโต๊ะพนันฟุตบอล โดยเงินที่ได้จากค่าจ้างเปิดบัญชีผู้ต้องหาทั้งสองรายรับว่านำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและซื้อยาเสพติดมาเสพ

จากการตรวจสอบประวัติคดีของผู้ต้องหาทั้งสองราย ปรากฏพบว่ามีประวัติเคยถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การพนัน คดีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รับจ้างเปิดบัญชีม้า) ซึ่งเคยถูกดำเนินคดี และยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดีรวมทั้งหมดดังนี้

-นายเอสนะ หรือบังเอส บางกระสอ เคยถูกดำเนินคดี และมีคดีที่ยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี รวมทั้งหมด 11 คดี ประกอบด้วย 1.ปี 2564 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน หรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน) มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ที่กำหนดใน 15 ว.3 แต่ไม่เกิน 20 กรัม” ท้องที่ สภ.รัตนาธิเบศร์

2.ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย” ตามเลขคดี สภ.เมืองนนทบุรี ที่ 182/2555 สถานะหลบหนี/รอออกหมายจับ 3.ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาฉ้อโกง, ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตามเลขคดี สภ.ศรีราชา ภ.จว.ชลบุรี ที่ 576/2565 สถานะหลบหนี/รอออกหมายจับ

4.ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาฉ้อโกง, ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตามเลขคดี สน.วังทองหลาง ที่ 933/2565 สถานะหลบหนี/รอออกหมายจับ

5.ปี 2565 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ลักลอบเล่นการพนันตามบัญชี ก. (สล็อตแมชชีน) โดยผิดกฎหมาย” ท้องที่ สภ.รัตนาธิเบศร์

6.ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 562/2565 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ท้องที่ สภ.บ้านบึง ภ.จว.ชลบุรี

7.ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 395/2565 ลงวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย