“อัจฉริยะ” ยันไม่กังวลหากถูกฟ้องปมภาพ “มินนี่”

กทม. 29 ก.ย.- “อัจฉริยะ” เชื่อ “มินนี่” ออกมาพูดเปิดใจกับสื่อมวลชนยิ่งทำให้สถานการณ์ดูแย่ เพราะพบคำให้สัมภาษณ์ขัดแย้งกับ “บิ๊กโจ๊ก” และ “พ.ต.อ.ภาคภูมิ” พร้อมยืนยันไม่ได้นำภาพ ที่นำมาโชว์กับสื่อมวลชนมาจากตำรวจชุดจับกุม ยันไม่กังวลหากถูกฟ้องหมิ่นประมาท


นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พูดถึงกรณีที่ มินนี่ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ว่าตนเองได้เห็นสัมภาษณ์แล้วและรู้สึกเหมือนเด็กมาเล่านิทาน ทุกอย่างที่พูดเหมือนสคริปต์ที่มินนี่และทนายความนำมาแจกให้กับสื่อมวลชน คิดว่าน่าจะท่องมาตั้งแต่ประเทศสิงคโปร์ถึงพูดเหมือนในกระดาษทั้งหมด และสิ่งที่มินนี่พูดก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูแย่เพราะขัดแย้งกับสิ่งที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่าเจอมินนี่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่มินนี่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเจอบิ๊กโจ๊กถึง 2 ครั้ง รวมถึงการสัมภาษณ์ของมินนี่เมื่อวานยังขัดแย้งกับคำให้สัมภาษณ์ของพันตำรวจเอกภาคภูมิ พิศมัย ที่บอกว่าไม่เคยพามินนี่ไปงานเลี้ยงที่มีคลิปร้องเพลงร่วมกับบิ๊กโจ๊ก แต่มินนี่ให้สัมภาษณ์ว่างานเลี้ยงดังกล่าว พันตำรวจเอกภาคภูมิเป็นคนพาไป

ส่วนประเด็นเรื่องการที่พันตำรวจเอกภาคภูมิยืมเงินมินนี่นั้น จะเป็นได้อย่างไร เป็นถึงตำรวจยศ พันตำรวจเอก แต่ไปยืมเงิน เด็กกะโปโล เป็นไปไม่ได้ พร้อมอยากให้สังคมให้ความสำคัญถึงเรื่องบัญชีม้ามากกว่า ว่า ทำไมมินนี่ถึงมีบัญชีม้ากว่า 100 บัญชีตอนที่ตำรวจชุด PCT ไปตรวจค้น


ส่วนมาถามเรื่องรูปภาพ ที่นายอัจฉริยะนำมาเปิดกับสื่อมวลชนเมื่อวันก่อนรูปภาพมินนี่ บิ๊กโจ๊ก ภรรยาบิ๊กโจ๊ก และเอ ศุภชัย ถ่ายรูปร่วมกัน นายอัจฉริยะก็บอกว่ารูปดังกล่าวนำมาจากสื่อมวลชนที่เคยมีการนำเสนอก่อนที่ตนจะเอามาโชว์อีก ยืนยันไม่ได้นำภาพมาจากตำรวจชุดจับกุม ส่วนมินนี่จะมาฟ้องตน นั้นก็ทำได้ พร้อมตั้งคำถามไปถึงมินนี่ว่ารู้จักกับนายแทนไทหรือไม่ เพราะข้อมูลที่ตนเองรู้มานายแทนไทจะไปหามินนี่แทบทุกเดือนอยากให้มินนี่ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าว

และเมื่อถามกังวลหรือไม่เมื่อทนายความฝั่งบิ๊กโจ๊กจะฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท นายอัจฉริยะบอกว่าไม่กังวล ถ้าฟ้องก็จะสู้ไปตามกฎหมาย เพราะเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ยืนยันไม่ได้นำข้อมูลส่วนบุคคลของตำรวจมาเปิดเผยเพราะตนเองก็รู้จักกับตำรวจทั้ง 8 นายดี

ส่วนประเด็น รูปภาพถ่ายบิ๊กโจ๊กถ่ายคู่บิ๊กต่อ นายอัจฉริยะ ก็พูดถึงประเด็นดังกล่าวว่าตนได้เห็นภาพดังกล่าวแล้วและคิดว่าไม่มีผลอะไรต่อรูปคดีเป็นเพียงการไปแสดงความยินดี หารือกันเฉยๆ แต่หากการถ่ายรูปนั้นจะทำให้เรื่องเงียบก็จะส่งผลเสียต่อบิ๊กต่อที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนเชื่อว่าบิ๊กต่อต้องบังคับใช้กฎหมายไม่มวยล้มต้มคนดูแน่นอน เพราะหากเป็นแบบนั้นก็จะอยู่ยากความศรัทธาของประชาชนก็จะเสื่อมหาย .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ดับแล้ว 8 ราย รถชนบนมอเตอร์เวย์ อัดก๊อปปี้พังยับ

เกิดอุบัติเหตุใหญ่ช่วงกลางดึก บนมอเตอร์เวย์ สาย 7 มุ่งหน้าชลบุรี รถเทรลเลอร์ 2 คัน กับเอสยูวีอีก 1 คัน คนในรถเอสยูวี เสียชีวิต 8 ราย

ผู้เสียหายแจ้งความถูกร้านทองหลอกขายกรอบทองคำรูปสัตว์มงคล

ผู้เสียหายแจ้งความถูกร้านทองดังหลอกขายกรอบทองคำรูปสัตว์มงคล ราคารวม 1 ล้านบาท ผ่านมา 8 ปี เอะใจนำทองไปเผา สุดท้ายเป็นเพียงพลาสติก

ทวงหนี้โหด

มอบตัวแล้ว ผู้ต้องหาทวงหนี้โหดยิงดับต่อหน้าลูก

ยอมมอบตัวแล้ว ผู้ต้องหาทวงหนี้โหด บุกถึงห้องยิงดับต่อหน้าลูกชาย หนีจับแม่ค้าเป็นตัวประกัน ตำรวจพาแม่และญาติเกลี้ยกล่อมสำเร็จ ก่อนคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองนครปฐม

ข่าวแนะนำ

เสด็จเยือนภูฏาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงพระดำเนินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ในการเสด็จฯ เยือนภูฏานอย่างเป็นทางการ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ในการเสด็จฯ เยือนภูฏานอย่างเป็นทางการ

ยกย่องมรดกไทย

ยูเนสโกยกย่อง 3 มรดกไทย เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกปี 2568

ยูเนสโกยกย่อง 3 มรดกไทย “สมุดไทยคำหลวง – พระเจ้าช้างเผือก – เอกสารอาเซียน” เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกปี 2568 ตอกย้ำบทบาทสำคัญของชาติไทยในประวัติศาสตร์โลก

อุตุฯ เตือนไทยตอนบน เฝ้าระวังพายุฤดูร้อน-ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน เฝ้าระวังพายุฤดูร้อน ฝนถล่ม ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง

ตำรวจไล่ล่าพรานป่าสาละวิน ฆ่าชาวบ้านแล้ว 2 ราย

เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งไล่ล่าตัวพรานป่าสาละวิน ที่แม่ฮ่องสอน ก่อเหตุฆ่าชาวบ้านไปแล้ว 2 ราย พร้อมเสริมกำลังรักษาความปลอดภัยให้ชาวบ้าน เพราะผู้ก่อเหตุยังมีอาวุธปืนและเหลือกระสุนอยู่เกือบสิบนัด หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วครอบครัวของพรานป่ารายนี้แจ้งความกับตำรวจว่าหายตัวไปหลังเข้าไปหาของป่า จนกระทั่งพบว่าลงมือก่อเหตุฆ่าชาวบ้านไป 2 ศพ กลายเป็นบุคคลอันตราย และพบประวัติใช้สารเสพติด