“บิ๊กโจ๊ก” เผยสามีภรรยาเจ้าของโกดังพลุระเบิดรับสารภาพตลอดข้อหา

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” รอง ผบ.ตร. ระบุสามีภรรยาเจ้าของโกดังพลุระเบิด ให้การเป็นประโยชน์ โดยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนการขยายผลดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตต่อหน้าที่ จากนี้ต้องไล่ตรวจสอบตั้งแต่ต้นทาง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าเหตุโกดังพลุระเบิด ในพื้นที่ชุมชนตลาดมูโนะ จ.นราธิวาส จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ว่า ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (5 ส.ค.66) ตำรวจมาเลเซียได้ควบคุมตัวนายสมปอง หรือ เสี่ยไหว พร้อมด้วย น.ส.ปิยะนุช หรือ เจ๊หลิน สองสามีภรรยาเจ้าของโกดังเก็บพลุที่ระเบิด มาส่งให้ทางการไทย บริเวณด่านพรมแดนไทย อ.สะเดา จ.สงขลา โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ ตม. และตำรวจ สภ.มูโนะ เดินทางไปรอรับมอบตัว ก่อนควบคุมตัวทั้งสองคนไปบันทึกการจับกุมและทำทะเบียนประวัติ ตามขั้นตอนของผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ

ล่าสุดจากการสอบปากคำทั้งสองคนให้การเป็นประโยชน์ต่อคดี โดยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ซื้อสินค้ามาจากประเทศจีน มีการขนส่งอย่างไร ขนย้ายอย่างไร ข้ามด่านด้วยวิธีไหน ซึ่งจากการสอบถามผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้รับรายงานว่า การให้ปากคำของผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นประโยชน์อย่างมาก

ส่วนกรณีการสอบสวนขยายผลดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตต่อหน้าที่ หลังสังคมเกิดความสงสัยและติดใจในจำนวนของพลุว่า ทำไมจึงมีปริมาณมากขนาดนี้ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า ในที่เกิดเหตุมีพลุมากถึง 400-500 กิโลกรัม ทั้งที่มีหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องดูแลถึง 5-6 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจากนี้ไปต้องไล่ตรวจสอบตั้งแต่ต้นทาง ตั้งแต่ขั้นตอนของการนำเข้า ว่าได้สำแดงการนำเข้าถูกต้องหรือไม่ มีการจดแจ้งจำนวนที่นำเข้ามาถูกต้องหรือไม่ ขั้นตอนการขนส่งมีวิธีการอย่างไร มีการอนุญาตจากขนส่งหรือไม่ เช่น การขนย้ายจากแหลมฉบังไปโรงงานที่บางกล่ำ จ.สงขลา หรือขนย้ายจากบางกล่ำไปที่ จ.นราธิวาส ซึ่งเชื่อว่าขั้นตอนการขนย้ายไม่ถูกต้อง แม้แต่โกดังที่เกิดเหตุมีการขออนุญาตเป็นสถานประกอบการ แต่ในใบอนุญาตไม่ได้ระบุว่าเป็นการประกอบการอะไร ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทั้ง 5 หน่วยงานจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ จะอ้างว่าไม่มีคนแจ้งจึงไม่ทราบไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดูแล จึงต้องทำการตรวจสอบว่า สถานประกอบการดังกล่าวดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนกรณีที่หลายคนสงสัยว่า ที่ผู้ต้องหาติดต่อขอมอบตัว อาจมีการตกลงเงื่อนไขกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องการขอประกันตัวนั้น รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่า ไม่มีเงื่อนไขดังกล่าวอยู่ในเงื่อนไขการประกันตัวแต่อย่างใด

นอกจากนี้ รอง ผบ.ตร. ยังเปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีฆ่าหั่นศพชาวโคลอมเบีย ที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ตาย ขณะนี้ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 6 ทำการเพิกถอนใบอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทย นอกจากนี้ได้ส่งชิ้นเนื้อไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลว่า ชิ้นเนื้อดังกล่าวเป็นของผู้ตายหรือไม่ ซึ่งต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยในการตรวจชิ้นเนื้อ โดยผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จะชัดเจนในสัปดาห์หน้า หากได้ผลตรวจแล้วจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เนื่องจากพบการจัดซื้ออุปกรณ์ เช่น มีด ถุงมือ น้ำยาฆ่าเชื้อ ก่อนเกิดเหตุ ส่วนมูลเหตุเชื่อว่าเกิดจากปัญหาความหึงหวง เนื่องจากผู้ตายและผู้ต้องสงสัยเป็นบุคคลข้ามเพศ

รอง ผบ.ตร. ยังฝากกำชับว่า เมื่อเกิดเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ให้ฝ่ายสืบสวนเข้าพื้นที่เกิดเหตุพร้อมกับนิติวิทยาศาสตร์โดยเร็วที่สุด. – สำนักข่าวไทย