เร่งหาสาเหตุอุบัติเหตุทางเลื่อนท่าอากาศยานดอนเมือง พบใช้งานตั้งแต่ปี 39

กทม. 29 มิ.ย.-ผอ.การท่าอากาศยานดอนเมือง เร่งหาสาเหตุทางเลื่อนดูดขาผู้โดยสารหญิง ยันดูแลเต็มที่ สาเหตุยังไม่ชัด เกิดจากซี่หวีของทางเลื่อนหรือไม่ พบติดตั้งใช้งานมาตั้งแต่ปี 2539 ก่อนเกิดเหตุตรวจสอบแล้วซี่หวีอยู่ครบ เตรียมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เชิญหน่วยงานนอกร่วมตรวจสอบ


15.00 น. นายการันต์ ธนกุลจีรพัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง และนายชยาศิส บำรุงสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายไฟฟ้าและเครื่องกล ร่วมกันแถลงข่าวกรณีผู้โดยสารประสบอุบัติเหตุบนปลายทางเลื่อน ขณะกำลังเดินทางไป จ.นครศรีธรรมราช เพียงลำพัง

ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 08.27 น. เกิดเหตุนางสุพรนี อายุ 57 ปี ประสบอุบัติเหตุรุนแรงที่ปลายทางเลื่อน ระหว่าง South Corridor ระหว่าง Pier 4 – Pier 5 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 ทำให้ขาซ้ายตั้งแต่ใต้เข่าลงไป ติดอยู่ในทางเลื่อนถึงขั้นขาขาด เบื้องต้นได้รีบนำตัวผู้โดยสารส่งโรงพยาบาลภูมิพลทันที แต่ทางผู้โดยสารมีความประสงค์ จะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เบื้องต้นทางทีมแพทย์ชุดแรกของโรงพยาบาลภูมิพลแจ้งว่า “ขาไม่สามารถต่อได้” และผู้ป่วยเสียเลือดมาก จึงให้เลือดก่อน แต่ทางแพทย์ชุดที่สองของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ยืนยันว่าจะพยายามรักษาอย่างเต็มที่ เบื้องต้นจากการดูแลสภาพจิตใจของผู้โดยสาร พบว่า ผู้โดยสารค่อนข้างเข้มแข็ง


ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น อยู่ระหว่างสืบสวนหาข้อเท็จจริง และได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความชัดเจนให้มากที่สุด โดยจะใช้ทีมงานชุดนอกร่วมตรวจสอบด้วย คือ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เพื่อให้เกิดความชัดเจนและปลอดภัยว่าอุปกรณ์ตัวนี้เกิดความผิดพลาดจากอะไร เบื้องต้นอุปกรณ์ทางเลื่อนมีการตรวจเช็กทั้งรายวัน/รายเดือน/ราย 3 เดือน และรายปี โดยบริษัทต้นทางที่ทำการติดตั้ง คือ “ฮิตาชิเจแปน” ซึ่งมีบริษัท “สยามฮิตาชิ” เป็นผู้ตรวจเช็กซ่อมบำรุง เป็นการบริการหลังการขายของประเทศญี่ปุ่นโดยตรง จึงมีความเชี่ยวชาญและตรวจเช็กอย่างรอบด้าน โดยยืนยันว่า ทางเลื่อนสามารถใช้งานได้หากมีการตรวจเช็กบำรุงตามรอบและเปลี่ยนอะไหล่ ซึ่งหลังเกิดเหตุทางฮิตาชิเจแปน ได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว

สำหรับทางเลื่อนถูกติดตั้งใช้งานมาตั้งแต่ 2539 หรือ ประมาณ 27 ปีแล้ว ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ รวมถึงหวี ไม่มีการชำรุดเลยก่อนเกิดเหตุ เพราะฉะนั้นจะต้องมีการสืบสวนให้ละเอียดก่อน เบื้องต้นครั้งล่าสุด คือ วันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งตามปกติแล้วถ้ารองหวีหักติดกันสองซี่ จะมีการเปลี่ยนทันที แต่จากภาพที่ปรากฏในสื่อที่เห็นว่ามีร่องหวีหักหลายซี่ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เกิดจากสาเหตุใด

ขณะที่ภาพวงจรปิดที่เกิดเหตุ ได้ตรวจสอบแล้ว แต่เบื้องต้นเป็นภาพระยะไกล ซึ่งต้องขอดูรายละเอียด และสืบสวนก่อนว่าเกิดจากอะไรกันแน่ จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า มีการสะดุดของผู้โดยสาร หรือการสะดุดของตัวสายพานทางเลื่อน แต่จากตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบล้อของกระเป๋าของผู้โดยสารติดอยู่ใต้ทางเลื่อนถึง 2 ล้อ และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์


สำหรับทางเลื่อน มีทั้งหมด 20 ตัว เป็นของใหม่ 6 ตัว และเป็นของเก่า 14 ตัว ขณะนี้ได้ยุติการใช้งานชั่วคราวแล้ว ซึ่งทางเลื่อนนี้ไม่ได้มีเซ็นเซอร์รุ่นใหม่เหมือนกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเทคนิคในเรื่องอุปกรณ์เซฟตี จะเป็นการเช็กความตึงของโซ่ ถ้ามีอะไรไปขืน ตัวเซฟตีจะตัดการทำงานทันที ต่างกับแบบใหม่ที่ตัวเซนเซอร์ใต้หวี หากมีอะไรมากระทบ เซนเซอร์ก็จะตัดทันที แต่ขณะเกิดเหตุเซ็นเซอร์ตัวนี้ ทำงาน แต่ทำงานช้า จึงต้องกลับไปตรวจสอบก่อนว่าเพราะอะไร

เมื่อถามถึงประเด็นทางเลื่อนจุดนี้คล้ายกับที่เกิดเหตุเมื่อปี 2562 หรือไม่ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง ระบุว่า เหตุการณ์นั้นเป็นบันไดเลื่อน ไม่ใช่ทางเลื่อน อย่างไรก็ตาม เดิมทีทางท่าอากาศยานดอนเมือง มีแผนที่จะเปลี่ยนทางเลื่อนในปีงบประมาณ 2568 แต่เมื่อเหตุเกิดแบบนี้ จะต้องของบฉุกเฉิน เป็นงบประมาณเร่งด่วนในปี 2567 เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร

ส่วนหลังจากเกิดเหตุได้มีการพูดคุยและสอบถามกับตัวผู้โดยสารแล้ว แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะผู้โดยสารยังอยู่ในสภาวะที่ยังไม่พร้อมให้ข้อมูล แต่ทางท่าอากาศยานดอนเมืองได้พูดคุยกับญาติและจัดผู้ประสานงานใกล้ชิดตลอดเวลา รวมถึงดูแลค่ารักษาพยาบาลอย่างดีที่สุด ในส่วนของมาตรการในการดูแลและเยียวยาผู้โดยสารหลังจากนี้ จะขอพิจารณาก่อนว่าจะชดเชยได้เท่าไหร่ แต่เบื้องต้นที่ได้พูดคุยกับญาติยังไม่มีท่าที่เรียกร้องอะไร ซึ่งหลังจากนี้ทางท่าอากาศยานดอนเมืองจะกลับไปทบทวนให้รัดกุมมากขึ้น และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งหลังเกิดเหตุนี้ โดยยืนยันว่าจะช่วยเหลือค่าพยาบาลและชดเชยให้กับผู้โดยสารอย่างถึงที่สุด และขอให้เชื่อมั่นทางท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้นและแก้ไขให้ดีที่สุด จะไม่ทำ ให้มีเหตุการณ์อุบัติเหตุเป็นครั้งที่ 2

ทั้งนี้ มีรายงานว่ากล้องวงจรปิดบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุมี 3 ตัว คือ จุดเริ่มต้น จุดกลาง และจุดสุดทางเลื่อน แต่ปรากฏว่ากล้องหมุนไปจับภาพมุมอื่น และหันมาอีกทีตอนที่ผู้โดยสารหญิงล้มลงไปแล้ว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย